ทั่วไป

“เหลียวหลัง แลหน้า 2 ทศวรรษ กสม.” ผนึกพลังภาคีเครือข่าย เสนอแก้ไขปัญหา 5 ข้อที่ท้าทายจากภาคีเครือข่ายภาคประชาชน

“เหลียวหลัง แลหน้า 2 ทศวรรษ กสม.” ผนึกพลังภาคีเครือข่าย เปิดเวทีสมัชชาสิทธิมนุษยชน เสนอแก้ไขปัญหา 5 ข้อที่ท้าทายจากภาคีเครือข่ายภาคประชาชน เผยชงตั้งหน่วยงานด้านกฏหมายขึ้นมาใหม่ เพื่อคุ้มครองสิทธิ์ประชาชน 3 ด้าน “ที่ดิน-พัฒนายั่งยืน-ผู้ใช้ยาเสพติด”

นางสาวพรประไพ กาญจนรินทร์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

วันที่ 1-2 กันยายน 2565 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) จัดงาน “สมัชชาสิทธิมนุษยชน :
เหลียวหลังแลหน้า 2 ทศวรรษ กสม.” ณ ห้องวายุภักษ์ 3-4 ชั้น 4 โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทาราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ

นางสาวพรประไพ กาญจนรินทร์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า การทำงานของคณะกรรมการสิทธมนุษยชนจากนี้ไปยังมุ่งเน้นเรื่องคุ้มครอง ส่งเสริม และเฝ้าระวังด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงด้านความร่วมมือด้านต่างประเทศด้วย ซึ่งจากนี้ไปเรื่องร้องเรียนต้องทำอย่างเข้มข้น แม้ในความเป็นจริงต้องทำงานเพื่อแก้ปัญหาภาพรวมทั้งระบบ แต่ความเดือนของประชาชนเป็นรายกรณีก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องทำควบคู่กันไป

นอกจากนี้ เพื่อสนับสนุนการทำงานจะได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ พัฒนาศักยภาพของเจ้าหน้าที่ และส่งเสริมการสร้างเครือข่ายให้สามารถขับเคลื่อนได้ตามความต้องการ

นางสาวพรประไพ กล่าวว่า ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา กสม. ในฐานะองค์กรที่มีหน้าที่และอำนาจในการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนให้เกิดขึ้นในสังคม ได้มุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของทุกภาคส่วนของสังคมทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ ด้วยหลักแห่งความเสมอภาค ภราดรภาพ การเชิดชูสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน และการปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์โดยไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งการดำเนินงานให้บรรลุผลได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น ต้องได้รับความร่วมมือ จากทุกภาคส่วนในสังคม

ในโอกาสครบรอบการดำเนินงาน 20 ปี กสม. จึงได้จัดงานนี้ขึ้นเพื่อให้เกิดกระบวนการทำงานในรูปแบบของสมัชชาสิทธิมนุษยชนร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และองค์กรระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน โดยเปิดเวทีเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากภาคีเครือข่ายและประชาชนในภูมิภาคเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในพื้นที่และข้อเสนอในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพื่อร่วมกับภาคีเครือข่ายพัฒนาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายหรือข้อเสนอแนะในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนหรือแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนให้เกิดความยั่งยืนในอนาคต และเพื่อขยายเครือข่าย การทำงานด้านสิทธิมนุษยชนให้เป็นที่รู้จักของประชาชนผ่านกระบวนการทำงานร่วมกัน

เวทีสมัชชาในครั้งนี้ มีการนำเสนอประเด็นความร่วมมือ ความสำเร็จ และความท้าทายเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนผ่านการปาฐกถาของผู้ทรงคุณวุฒิ การนำเสนอความก้าวหน้าของพันธกิจด้านสิทธิมนุษยชนผ่านการเปิดตัวหนังสือ “เหลียวหลังแลหน้า 2 ทศวรรษ กสม.” รวมถึงการนำเสนอ ข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาจากภาคีเครือข่ายภาคประชาชนที่ได้จากการประชุมกลุ่มย่อยใน 5 ประเด็นสิทธิมนุษยชนสำคัญ ได้แก่ 1.กระบวนการยุติธรรมทางอาญา 2.สิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อม 3.สถานะบุคคล 4. สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 กับกลุ่มเปราะบาง และ 5. ความหลากหลายทางเพศ

ภายในงานยังมีการจัดแสดงนิทรรศการนำเสนอผลงาน 20 ปีแห่งความภาพภูมิใจจากอดีต สู่ปัจจุบัน และอนาคตในทศวรรษหน้า แบ่งเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 เหลียวหลัง นำเสนอเกี่ยวกับความเป็นมา บทบาทหน้าที่ และเหตุการณ์สำคัญ ๆ ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ส่วนที่ 2 ปัจจุบัน นำเสนอผลงานเด่น การขับเคลื่อนนโยบาย ทิศทางของยุทธศาสตร์ กสม. โดยจะมีการนำหนังสั้นและ สื่อต่างๆ มาจัดแสดงที่โซนนี้ด้วย ส่วนที่ 3 แลหน้า เป็นส่วนการสำรวจความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมงานเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการให้ กสม. ดำเนินการ การนำเสนอผลงานวิจัย บูธกิจกรรมเผยแพร่สื่อการเรียนรู้ออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) และส่วนที่ 4 นิทรรศการของภาคีเครือข่าย

 

ทั้งนี้ ในวันที่ 2 กันยายน 2565 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของงานจะมีช่วงเวลาสำคัญที่ภาคีเครือข่ายภาคประชาชนจะได้นำเสนอข้อมติทั้ง 5 ประเด็นสิทธิมนุษยชนสำคัญจากการร่วมกันสะท้อนสถานการณ์ปัญหาและแนวทางแก้ไขเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกันนี้จะมีการประกาศเจตนารมณ์รวมพลังขับเคลื่อนงานด้านสิทธิมนุษยชนร่วมกันด้วย

ดร.เสรี นนทสูต กรรมการสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม

ด้านดร.เสรี นนทสูต กรรมการสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม กล่าวว่า ตนขอเสนอ กสม. ให้มีการจัดตั้งหน่วยงานด้านกฏหมายขึ้นมาใหม่เพื่อแก้ไขกฏหมายที่ประกาศใช้แล้ว และร่างกฏหมายที่กำลังจะออกมาบังคับใช้ ไม่กำจัดสิทธิ์ประชาชน โดยกฏหมายที่จะออกมาใหม่ต้องมาต้องส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิ์ประชาชนมากขึ้นมีหลักๆ 3 ด้าน ได้แก่ 1. ด้านที่ดิน 2.ด้านการพัฒนายั่งยืน 3.การบังคับใช้กฏหมายเกี่ยวกับยาเสพติดให้ทุกคนที่ใช้ยาเสพติพต้องไม่ถูกดำเนินคดีทางอาญา เพราะมองว่าวิธีดังกล่าวอาจจะไม่เหมาะสม

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button