“สนธิรัตน์” อดีต รมว.พลังงาน อัดรัฐบาลล่าช้า 2 ปี พัฒนาแหล่งปิโตรเลียมพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ทำคนไทยเสียโอกาสและรับภาระค่าไฟฟ้าแพง
“สนธิรัตน์” อดีต รมว.พลังงาน อัดรัฐบาลช้าเป็นเรือเกลือแก้ปัญหาค่าไฟฟ้าแพง ผ่านไป 2 ปีเพิ่งตื่นพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ชี้หากสานงานต่อเนื่องถึงวันนี้คงได้จับมือลุยโครงการแล้ว “สร้างอนาคตไทย” ออกโรงกระทุ้ง เปิด นโยบาย 4 โซลาร์ แก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชน สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ทวงถามใครแตะเบรกโรงไฟฟ้าชุมชน ด้าน “สันติ” ถล่ม ปตท. ครึ่งปีกวาดกำไร 4.3 หมื่นล้าน แนะเอามาเยียวยาช่วยเหลือประชาชนด้วย
วันนี้ (22 ก.ย.65) ที่พรรคสร้างอนาคตไทย นำโดย ดร.อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ดร.สันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรค และประธานนโยบาย และนายนริศ เชยกลิ่น รองหัวหน้าพรรค และโฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าว “ชำแหละประเด็น ค่าไฟแพง แก๊สแพง ใครทำร้ายประชาชน”
ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรคมีความจำเป็นต้องแถลงเรื่องนี้ เราจะปล่อยให้สถานการณ์ค่าครองชีพ เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ อีก 6-7 เดือนจะเลือกตั้ง คิดว่าประชาชนจะลำบาก วันนี้ประชาชนแบกภาระค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น เรามีไฟฟ้าส่วนเกินเกือบครึ่งที่ประชาชนต้องแบกภาระบางส่วน และการเปลี่ยนผ่านสัมปทานการผลิตก๊าซที่ทำให้ปริมาณลดลงกระทบต่อความมั่นคงทางพลังงาน ซึ่งสมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เคยริเริ่มโครงการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา สำหรับเป็นแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติเพื่อเป็นเชื้อเพลิงป้อนโรงไฟฟ้า ซึ่งเชื้อเพลิงที่ผลิตได้จากแหล่งนี้จะมีต้นทุนไม่แพงเช่นเดียวกับก๊าซธรรมชาติที่ได้จากอ่าวไทย แต่รัฐบาลชุดปัจจุบันดำเนินการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ล่าช้ามา 2 ปี ซึ่งถ้าหากดำเนินการตั้งแต่ต้นน่าจะช่วยแก้ปัญหาคนไทยจ่ายค่าแพงได้เร็วขึ้น
“ปัจจุบันกำลังการผลิตก๊าซในอ่าวไทยลดลงตามลำดับ ผมเคยส่งสัญญาณเตือนแล้วว่าก๊าซในอ่าวไทยจะมีปัญหาจากการเปลี่ยนผ่านที่ไม่ราบรื่น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาก๊าซที่สูงขึ้น เพราะการบริหารการเปลี่ยนผ่านที่ล้มเหลว ทำให้เราต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากต่างประเทศ ซึ่ง LNG ในตลาดโลกมีราคาสูงมาก เพื่อนำมาผลิตไฟฟ้า” นายสนธิรัตน์ กล่าว
นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อไปว่า ด้านอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากราคาก๊าซที่แพงขึ้นมา 33% สถานการณ์แบบนี้จะยังไม่หยุดจนถึงเดือนมีนาคม 2566 ประชาชนต้องมาแบกรับภาระจากนโยบายพลังงาน และการบริหารที่ผิดพลาด กำลังการผลิตไฟฟ้าส่วนเกินที่เกิดขึ้น ใครได้ประโยชน์ ธุรกิจ LNG วันนี้ใครได้ประโยชน์สูงสุด เอกชนหรือรัฐ หรือค่าการกลั่นที่สูงมากและไม่ได้รับการแก้ไข พรรคเราเรียกร้องตลอดว่า เมื่อเกิดวิกฤติให้เอาต้นทุนจริงออกมาดู หากพรรคสร้างอนาคตไทยเข้าไปบริหารเราจะเอาประชาชนเป็นตัวตั้งในการแก้ปัญหา คำถามคือวันนี้รัฐบาลทำอะไรอยู่ น้ำมัน ก๊าซ ค่าไฟฟ้า เคยพิจารณาต้นทุนจริงหรือไม่ ภายใต้ต้นทุนที่แท้จริงมีอะไรทับซ้อนอยู่ วันนี้คือวิกฤต ในสมัยที่ตนบริหารกระทรวงการคลัง และกระทรวงพลังงาน ในช่วงสถานการณ์โควิด เรามีมาตรการช่วยเหลือประชาชนเร่งด่วนทันที เช่น มาตรการลดค่าไฟฟ้าทันที ซึ่งวันนี้ก็ยังคงเป็นแนวคิดการแก้ปัญหาที่พรรคสร้างอนาคตไทยพร้อมที่จะทำ “ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประชาชนจะมีส่วนเป็นเจ้าของพลังงาน หรือที่เรียกว่า Energy for all วันนี้โรงไฟฟ้าชุมชนที่ผมริเริ่มไว้เป็นเวลา 2 ปีแล้ว วันนี้ผมอยากถามว่าใครแตะเบรกโรงไฟฟ้าชุมชน และทำเพื่ออะไร ทั้งที่โรงไฟฟ้าชุมชนสามารถช่วยทั้งพี่น้องประชาชน และเกษตรกรที่เป็นเศรษฐกิจฐานราก แต่กลับไม่ได้รับการสานต่อเพื่อประโยชน์ของประชาชน ถึงเวลารื้อโครงสร้างพลังงานครั้งใหญ่ เราจะไม่ปล่อยให้ปตท.ทำงานแบบใช้โอกาสเกื้อกูล เติบโต และข่มเหงประชาชน” นายสนธิรัตน์ กล่าว นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้อุตสาหกรรมใหญ่ ๆ ส่งสัญญาณมาแล้ว เตรียมรับมือการขึ้นราคา อยากถามว่ากระทรวงพาณิชย์ทำอะไรอยู่ ต้นทุนที่ขึ้นไปทุกอย่าง ทั้งราคาสินค้า กระทรวงพาณิชย์ยังทำงานแบบเดิม ๆ หรือไม่ สุดท้าย ปัญหาทั้งหมด เราคงไม่เอาแต่วิพากษ์ และวิจารณ์ วันนี้พรรคสร้างอนาคตไทย ขอนำเสนอนโยบายด้านพลังงาน คือนโยบาย 4 โซลาร์ ได้แก่ 1.โซลาร์รูฟท็อป เพื่อสร้างรายได้ และลดรายจ่ายประชาชน 2.โซลาร์ฟาร์มบนมิติโรงไฟฟ้าชุมชน กระจายทั่วประเทศ สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน 3.โซลาร์สูบน้ำบาดาลทั่วประเทศ และ 4. โซลาร์ลอยน้ำด้าน ดร.สันติ กล่าวว่า แม้ ปตท. จะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่กระทรวงการคลังยังถือหุ้นร้อยละ 51.11 ซึ่งหมายความว่า ปตท.ยังเป็นรัฐวิสาหกิจที่ประชาชนทั้งประเทศคือผู้ถือหุ้นใหญ่ สามารถมีบทบาทเข้ามาช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ยากให้ประชาชนได้ โดย ปตท.ซึ่งถือหุ้นโรงกลั่นน้ำมัน 3 แห่งครองสัดส่วนการตลาดกว่าร้อยละ 80 จากโรงกลั่นน้ำมันที่มีในประเทศไทยทั้งหมด 6 แห่ง แต่ปตท.ก็ไม่ได้แสดงบทบาทดังกล่าว และหากพิจารณาจากกำไรของโรงกลั่นที่ปตท.ถือหุ้นอยู่ พบว่าในปี 2564 มีกำไรรวมกันถึงกว่า 72,000 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งแรกปี 2565 มีกำไรกว่า 43,000 ล้านบาท เท่ากับมีกำไรเกินกว่าครึ่งหนึ่งของปี 2564 มาก
“อย่าบอกว่า ปตท.เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้วต้องทำกำไรสูงสุด เพราะความจริงกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งหมายถึงประชาชนคือผู้ถือหุ้นใหญ่ ขณะที่ ปตท. เองก็กำหนดในยุทธศาสตร์ของบริษัทว่า จะต้องมีธรรมาภิบาลเพื่อประโยชน์ของสังคมทุกภาคส่วน ตั้งแต่ระดับชุมชน และประเทศ จึงขอเรียกร้องรัฐบาลใช้กลไกการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ให้ปตท.หันมาดูแลช่วยเหลือประชาชนโดยอย่ามองแต่กำไรสูงสุด ต้องลดกำไรลงเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนด้วย” ดร.สันติ กล่าว