พลังงาน

UAC โชว์ผลงาน 9 เดือนแรก กวาดรายได้ 1,276.70 ล้านบาท Q4 พีคบุ๊กรายได้ธุรกิจผลิตปิโตรเลียม-EV Charging Station

UAC ประกาศตัวเลขผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2565 รายได้จากการขายและบริการ 1,276.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 145.93 ล้านบาท หรือ 12.91% (YoY) และมีกำไรส่วนที่เป็นของบริษัท 84.59 ล้านบาท จากการขยายตัวในกลุ่มธุรกิจ Trading Manufacturing-Energy และ Manufacturing-Chemicals ด้าน CEO “ชัชพล ประสพโชค” ส่งซิก Q4/2565 ผลงานสดใส หลังแหล่งผลิตปิโตรเลียม L11/43 จังหวัดสุโขเริ่มจำหน่ายน้ำมันดิบได้แล้ว และโครงการ EV Charging Station ได้เปิดบริการแล้ว 2 สถานี จ่อเดินหน้าขยายต่อให้ครบ 50 สถานี หรือ 150 หัวจ่ายภายในปีหน้า

นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ “UAC” แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกปี 2565 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565) ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 1,276.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 145.93 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.91 (YoY) และมีกำไรส่วนที่เป็นของบริษัท 84.59 ล้านบาท ลดลง 55.99%  และได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนอย่างต่อเนื่องที่ 83.46 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน จากการขาดทุน stock เนื่องจากการปรับจาก B7 เป็น B5 ทำให้ความต้องการใช้ลดลง และ EBITDA อยู่ที่ 206.21 ล้านบาท โดยมี Gross Margin 13.46%

ส่วนไตรมาส 3/2565 มีรายได้จากการขายและบริการ 412.46 ล้านบาท ลดลง 8.53 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 2.03 (YoY) และมีผลขาดทุนส่วนที่เป็นของบริษัท 5.27 ล้านบาท โดยมี Gross Margin 15.73% ส่งผลให้ EBITDA ณ สิ้นไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 38.07ล้านบาท

โดยในงวด 9 เดือนแรกปี 2565 บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการรักษาสภาพคล่องและขยายธุรกิจด้วยความระมัดระวัง พยายามควบคุมต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากกลุ่มธุรกิจ Trading ซึ่งมีรายได้รวมทั้งสิ้น 820.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการรับรู้รายได้ของยอดขายในกลุ่ม Industrial 84.51 ล้านบาท ขณะที่ในส่วน Energy มียอดขายลดลง 38.94 ล้านบาท จากปัญหาการขนส่งสินค้า  ซึ่งบริษัทฯคาดว่าไตรมาส 4 จะสามารถเพิ่มยอดขายให้กลับมาได้ตามประมาณการที่วางไว้

ส่วนกลุ่มธุรกิจ Manufacturing – Energy มีรายได้รวมทั้งสิ้น 149.32 ล้านบาท  จากการดำเนินงานของโรงงาน PPP ได้รับ Associated Gas ตามแผนที่วางไว้ และราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น เช่นเดียวกับ โรงไฟฟ้าเสาเถียรและโรงไฟฟ้าประดู่เฒ่า สามารถผลิตไฟฟ้าได้สูงกว่าแผนที่วางไว้ และโรงไฟฟ้าพืชพลังงานแม่แตงมีรายได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีวัตถุดิบเพียงพอ  และกลุ่มธุรกิจ Manufacturing – Chemicals มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 306.93 ล้านบาท แต่กำไรขั้นต้นยังต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่ยังคงสูงขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี

นอกจากนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ “UAC”  ยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/2565 ว่า มีการเติบโตได้อย่างโดดเด่น พร้อมทั้งตอกย้ำความมั่นใจว่าทั้งปีบริษัทฯ มีความสามารถทำรายได้แตะระดับ 2,000 ล้านบาท ตามเป้าหมาย ทั้งนี้เป็นผลจากการฟื้นตัวของธุรกิจเทรดดิ้ง รวมถึงการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นหลังจากการดำเนินการขุดเจาะน้ำมันดิบจากแหล่งผลิตปิโตรเลียมL11/43 จังหวัดสุโขทัย ได้สำเร็จตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา และได้เริ่มจำหน่ายน้ำมันดิบแล้ว ขณะเดียวกันบริษัทฯคาดว่าจะสามารถทยอยรับรู้รายได้จากการเปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ภายใต้บริษัทร่วม บจก.พีพีดับบลิวอี (PPWE) ในเฟสแรก 2 สถานี หรือ 4 หัวชาร์จ ณ สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงคาลเท็กซ์ โนนสูง และสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงคาลเท็กซ์ วิภัชรุ่งเรือง จังหวัดนครราชสีมา พร้อมทั้งนี้เตรียมเดินหน้าขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าเพิ่มให้ครบ 50 สถานี หรือ 150 หัวจ่าย เพื่อให้ครอบคลุมการให้บริการทั่วประเทศ

และล่าสุดบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติการโอนหุ้นของบริษัท ยูเอซี แอ็ดวานซ์ โพลิเมอร์ แอนด์ เคมิคัลส์ จำกัด (“UAPC”) บริษัทย่อย ในสัดส่วนร้อยละ 70 ของทุนจดทะเบียนในอนาคตให้กับกับ ICAP-SIRA CHEMICALS AND POLYMERS SPA. (“ICAP-SIRA”) และ ICAP-SIRA ASIA PTE. LTD. (“ICAP-SIRA ASIA”) หรือกลุ่ม ICAP-SIRA จากประเทศอิตาลี ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการตามเงื่อนไขบังคับก่อนแล้วเสร็จได้ภายในเดือนมกราคม 2566

อย่างไรก็ตาม จากความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้านพลังงานทดเทน เคมีภัณฑ์ที่ และขยายธุรกิจ เทรดดิ้ง พร้อมขับเคลื่อนองค์กรการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหารงานภายใต้หลักบรรษัทภิบาล (Environment, Social and Governance : ESG) แม้จะอยู่ในช่วงเวลาและสภาพเศรษฐกิจที่มีความท้าทาย และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน (Thailand Sustainability Investment หรือ THSI ) ประจำปี พ.ศ. 2565 (ประเภทกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน และได้รับ CGR ระดับ 5 ดาว “Excellent” เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button