สังคมไทยมุง

เด็กพิการ ทำไม? “มีแต่ Check in แต่ไม่ค่อย Check out”

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 “พี่วิทย์” น.ต.วรวิทย์ เตชะสุภากูร ร.น. ที่ปรึกษารัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ด้านธรรมาภิบาลและการพัฒนาชุมชน และอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะฯ ได้เป็นตัวแทนมอบสิ่งของจำเป็นสำหรับน้องๆ ที่โรงเรียนบ้านเด็กตาบอดผู้พิการซ้ำซ้อน รามอินทรา ยอดเงินทั้งหมด 13,719 บาท ซื้อแฟลชไดร์ฟ 32gb. 50 อัน 3,950 บาท ซื้อขนม นม ข้าวสาร 50 กก. 3,769 บาท รวม 7,719 บาท เหลืออีก 6,000 บาท บริจาคเข้ามูลนิธิฯทั้งหมด ขอขอบคุณ “พี่ตั้ว” ธริศร์ พี่ก้า น้องตูนและอีกหลายคน เราได้คุยกับแม่นวล ผอ.สนง.สาขากรุงเทพฯ ครูสงกรานต์ ครูกั้ง และพาเราเดินดูความเป็นอยู่ และความเก่งของน้องๆ เลยทำให้รู้ในสิ่งไม่เคยรู้มาก่อนหลายอย่าง

ในเพจ “พี่วิทย์ วรวิทย์ Human Love Earth” เล่าให้ฟังว่า ครูที่นี่เก่งมากระดับเขียนโค้ดทำเว็บ ทำ database เคยได้ทุนไปเรียนที่ญี่ปุ่น  ส่วนน้องๆ มีวิธีการพิมพ์คอมพิวเตอร์คือ พอพิมพ์บนแป้นแล้วจะมีเสียงพูดออกลำโพง ทำให้รู้ว่าพิมพ์อะไรไปบ้าง แต่มันเร็วมาก เราฟังไม่ทัน แต่น้อง คือฟังทันตลอด อัจฉริยะสุด บางคนเริ่มซ่อมคอมพิวเตอร์ ลงโปรแกรมต่างๆ ได้ด้วย

ที่มูลนิธิฯ นี้ มีเด็กเล็กอายุ 2-19 ปี อยู่ทั้งหมด 87 คน รับได้ไม่เกิน 100 คน เป็นพิการทางสายตาร่วมกับซ้ำซ้อนอื่นๆ เช่น พิการหู ร่างกาย สติปัญญา วันนี้เจอน้องๆ กำลังฝึกเดินโดยใช้ไม้เท้าพอดี โอ้โห พอได้ออกจาก โรงเรียนแค่เดินออกไปปากซอยเอง ทุกคนตื่นเต้นเดินเร็ว จนเกือบวิ่งตามไปถ่ายรูปไม่ทัน

และเมื่อโตๆ ขึ้นพอช่วยเหลือตัวเองได้ ก็จะฝึกใช้คอมฯ พื้นฐานให้เป็นด้วย ช่วยงานสำนักงานได้  ถ้าไปได้ถึงขั้นสูง ก็สายโปรแกรมเมอร์เลย น้องๆ เล่าว่าโปรแกรมเมอร์ตาบอดต้องศึกษาเรียนรู้ยากกว่าคนปกติหลายเท่ามากๆ เพราะไม่สามารถค้นหา tools มาช่วยได้  ต้องจำโค้ดให้ได้และเขียนใส่ notepad เท่านั้น

ที่นี่จะเอาหนังสือดีๆ มาผลิตเป็นหนังสือเบรลล์เอง เพื่อเรียนรู้กันในโรงเรียน “แต่ปัญหา คือ ขาดกระดาษมาสเตอร์เบรลล์ที่จะนำมาใช้ผลิต” เพราะราคาสูงขึ้น จากแผ่นละ 3 บาท เป็น 6 บาท  เคยลองใช้ปฏิทินเก่าหรือกระดาษทั่วไปแล้ว ด้วยความที่มันบาง ระยะการใช้งานสั้นมากๆ อ่านลูบๆ ได้แป๊บเดียว อักษรเบรลล์จะค่อยๆ หายนูนไป (เพิ่งรู้เลยนะเรื่องนี้!) เพื่อนๆช่วยหาซื้อกระดาษมาสนับสนุนน้องๆ ได้นะ

เราได้เห็นอุปกรณ์ช่วยผลิตอักษรเบรลล์เป็นเครื่องยาวๆ สีขาว คล้ายคีย์บอร์ดดนตรีเล็กๆ ปัจจุบันใช้ของเกาหลี เครื่องละเกือบแสนบาท เพราะไทยเรายังไม่มีเทคโนโลยีตรงนี้ ถ้ารัฐบาลสนับสนุนให้ทำใช้ได้เองราคาถูก ก็จะเข้าถึงคนพิการทางสายตาได้อีกมากเลย

ถ้าตั้งโจทย์คือว่า จะช่วยอะไรน้องๆ เหล่านี้ได้อีก เพื่อแบ่งปันและลดช่องว่างโอกาสในสังคม ให้ทุกๆ คนมีความสุขกันได้มากขึ้น คำตอบที่จะให้น้องๆ check out ได้ คือ การมีอาชีพครับ

เริ่มจากการให้ความรู้ก่อน ที่นี่มีห้องอัดเสียงอ่านด้วย เผื่อใครอยากมาช่วยอ่านหนังสือให้น้องๆ ฟังก็มาได้   ใครเคยลองเข้าไปอ่านใน App Read for the Blind แล้ว จะรู้ว่าการอ่านหนังสือให้คนอื่นฟังนี่มันยากจริง!! 555  คือมันไม่เหมือนการเล่าเรื่อง เราต้องอ่านให้ถูกต้องด้วยน้ำเสียงชวนฟัง ไม่ง่วง ไม่เร็วหรือช้าไป อันนี้ยากจริง น้องๆ บอกใช่ๆ เคยเปิดฟังจาก app นี้บ้างเหมือนกัน แอบบอกว่าบางเล่มฟังแล้วง่วงมาก เห็นภาพตามนั้นเลย

มูลนิธิฯ อยู่ได้ด้วยเงินบริจาคของเราๆเป็นส่วนใหญ่ เพราะกระทรวงศึกษาฯอุดหนุนแค่ปีละประมาณ 2 ล้านบาท (คิดตามรายหัว) ซึ่งไม่เพียงพอแน่ เพราะที่นี่เลี้ยงดูเด็กอายุตั้งแต่เล็ก – 19 ปี สอนทั้งการใช้ชีวิตและเรียนจนถึง ป.6 หลังจากนั้นก็จะประสานกับโรงเรียนคนปกติที่รับ เพื่อไปเรียนร่วม จนจบมหาวิทยาลัยหลายคนแล้ว ใครที่สามารถประกอบอาชีพได้ พอเรียนจบก็จะส่งไปตามศูนย์ของมูลนิธิที่ต่างจังหวัด เช่น หน่วยซ่อมคอมฯ ที่โคราช

 

หรือถ้าน้องตาบอด และพิการซ้ำซ้อนด้วยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่อายุเกิน 19 ปีแล้ว และไม่มีพ่อแม่มารับก็จะส่งไปอยู่ที่ศูนย์เลี้ยงดู ให้เขามีความสุขที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้น ไม่ว่าเราจะเงินบริจาค และข้าวของ ที่นี่จะพยายามเอามาใช้และเอามาลงกับเด็กให้มากที่สุด และแบ่งไปให้สาขาของมูลนิธิและเครือข่ายคนพิการในต่างจังหวัดด้วย

จากที่ไปเห็นทั้งครูและพี่เลี้ยง และสภาพความเป็นอยู่ของน้องๆ เราถือว่าเขาเอาใจใส่จริงๆ (เคยไปมาหลายที่น้ำตาซึม)

สุดท้าย check out ด้วยการช่วยหางานให้น้องๆ ทำ น้องๆ ที่เก่งคอมพิวเตอร์ของหลายๆ มูลนิธิ สามารถออกไปทำงานคุณภาพได้ มีหลายคน แต่ตอนนี้ยังขาดโอกาส เพราะไม่รู้จะไปหางานจากตรงไหน เราช่วยเป็นกระบอกเสียงไปถึงหน่วยงาน หรือออฟฟิศไหนเปิดกว้างในเรื่องคนเท่ากัน และอยากให้งาน จ้างงานเป็น พนง.ประจำ ไม่ว่าจะเป็นการจ้างไปทำที่ออฟฟิศ หรือจ้างแบบ work from home สามารถติดต่อไปที่มูลนิธิฯ เพื่อขอดูโปรไฟล์น้องก่อน แบบนี้บริษัทได้ พนง.ตามเกณฑ์ของกฎหมาย แถมยังได้ช่วยน้องหารายได้มาเลี้ยงน้องๆ ต่อไปด้วย

“พี่วิทย์” ก่อนหน้านี้ เคยไปที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ก็เห็นมีการจ้างคนพิการปลูกต้นไม้และดูแลป่าด้วยครับ จ้างโดยเอกชนจากกรุงเทพฯ ยังแอบนิยมอยู่ในใจ

 

คุยกันอยู่รอจนได้เวลาน้องเล็กลงมากินของว่าง เลยได้แอบมองอยู่ห่างๆ ตั้งแต่โควิดมา จะไม่ให้คนนอกเข้าไปใกล้ชิดเด็กเลยเอาภาพมาฝากเท่าที่ทำได้ ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่เข้ามาอ่านอีกครั้ง แค่เข้ามาอ่านและแชร์ ก็ถือว่ามีส่วนร่วมกับการแบ่งปันในครั้งนี้แล้ว

ขอบอกว่าการทำดี หรือแบ่งปันไม่จำเป็นต้องใช้เงินเสมอไป และเงิน 10 20 บาท ถ้าเราทำคนเดียวมันก็ดูน้อย แต่ถ้าเรามารวมพลังกันแบบนี้ ก็ยิ่งอิ่มใจกว่ากันได้

 

ตอนนี้แล้ว พอจะรู้คำตอบใช่ไหมครับว่า ทำไมเด็กพิการถึง Check in มากกว่า Check out! คราวหน้าจะไปไหนดี โปรดติดตามครับ

#Shareกัน #แบ่งปันสังคม #ช่วยเหลือสังคม #สังคมสร้างสรรค์ #Sharing #ทำดีทำบุญทำงานเพื่อสังคม

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button