เทคโนโลยี

หลายหน่วยงานถก คุมเข้มภัยไซเบอร์

วันนี้ (16 ส.ค.66) หลายหน่วยงาน ร่วมคุมเข้มภัยไซเบอร์ เสนอแก้ไขกฎหมายให้อำนาจค่ายมือถือ ระงับใช้งานเหมือนกับแบงก์อายัดเงิน เร่งเครื่องตั้ง แพลทฟอร์ม “กันกวน Plus” แนะ ตั้ง อสด. เติมความรู้ เตือนภัยโซเชียลในชุมชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะทำงานศึกษาติดตามการบังคับใช้ พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในคณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา ประชุมร่วมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ผู้แทน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กสทช. ผู้บริหารค่ายมือถือ ดีแทค เอไอเอส ทรู บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ และ สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมติดตามสถิติการติดตามจับกุมผู้กระทำความผิด การอายัดเงินและเรียกเงินคืนแก่ผู้เสียหาย (มาตรา 6 และมาตรา 7) การเปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีและธุรกรรมของลูกค้าระหว่าง สถาบันการเงินกับผู้ประกอบธุรกิจ (มาตรา 4 วรรคหนึ่ง)

หลังจาก พ.ร.ก. ป้องกันภัยไซเบอร์ บังคับใช้มาตั้งแต่ 11 พ.ค. 66 หลายหน่วยงานบูรณาการตั้งวอรูมร่วมกัน ทั้งกระทรวง DES , DSI, ปปง. สถาบันการเงิน, ค่ายมือถือ เพื่อส่งข้อมูลเอกสารผ่าน E-mail ให้กับหน่วยงานต่างๆ ไม่ต้องรอหมายศาล เมื่อเจอเหตุอันควรสงสัย ช่วยระงับเหตุอย่างรวดเร็ว เมื่อประชาชนเจอปัญหาหลอกลวงผ่านไซเบอร์ จากเดิมต้องใช้เวลา 3-5 วัน ลดเหลือ 1 วัน สามารถช่วยแก้ปัญหาโอนเงินไปยังบัญชีม้า ได้รวดเร็วมากขึ้น จากนั้นเฟส 2 หลายหน่วยงานกำลังพัฒนาระบบ รองรับการร้องเรียน เพื่อเข้าระงับเหตุได้ทันท่วงทีมากขึ้น

ที่ประชุม เสนอคุมเข้มการลงทะเบียนซิมการ์ด สำหรับผู้ใช้บริการมากกว่า 5 ซิมการ์ดต่อราย โดยต้องยืนยันตัวตนกับศูนย์บริการค่ายมือถือผ่านบัตรประชาชน ขณะที่ กสทช. จับมือกับค่ายมือถือทุกแห่ง เตรียมสร้างแพลทฟอร์มใหม่ ยกระดับจาก “แอป กันกวน” เพิ่มเป็น “กันกวน Plus” รับข้อร้องเรียน การปิดกั้น เบอร์โทรศัพท์ หรือส่ง SMS แนบลิงค์ใช้หลอกหลวงชาวบ้าน และเข้าไปดำเนินคดีกลุ่มมิจฉาชีพ เตรียมเสนอ บอร์ด กสทช.พิจารณาเร็วๆนี้ เพื่อจัดสรรงบประมาณ กำลังคน และการพัฒนาเทคโนโลยีรองรับเหตุหลอกลวง ยืนยัน “กันกวน Plus” เป็นผู้พัฒนาแพลทฟอร์มรายเดียวกับ “แอปเป๋าตัง” จึงประสิทธิภาพต่อการใช้งานกับประชาชนทั้งประเทศ

ที่ประชุม ยังเสนอตั้ง อสด. อาสาสมัครดิจิทัลชุมชน ทำงานเหมือนกับ อสม. ของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ความรู้ แนะนำ ความรู้เรื่องโซเชียล การเตือนภัย การหลอกลวงผ่านโซเชียลในชุนชน ต้องเดินหน้าให้ความรู้ “อย่าโลภ อย่ากลัว” เพราะกลุ่มมิจฉาชีพ จะใช้ความโลภ ความกลัวของประชาชน เข้าไปหลอกลวง ทั้งการโอนเงิน การกู้เงิน การซื้อสินค้า สร้างความเสียหายนับร้อยล้านบาทต่อวัน นอกจากนี้ ยังเสนอแก้ไข พ.ร.ก. ป้องกันภัยไซเบอร์ เพื่อให้อำนาจค่ายมือ เข้าระงับเหตุ หรือปิดกันการใช้ซิมการ์ด อินเตอร์เน็ต เมื่อเจอเหตุสงสัย เหมือนกับให้อำนาจแบงก์ระงับโอนจากบัญชีเงินฝาก เนื่องจากขณะนี้มีการโอนเงินผ่านระบบ Pre-paid ค่ายมือถือจำนวนมาก บางรายเติมเงินเข้ามา 100-200 ล้านบาท นับว่ามีความเสี่ยงต่อการหลอกลวง

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button