พลังงาน

อึ้ง ! แห่ยื่นของบกองทุนอนุรักษ์ฯ 1.1 แสนล้าน โปรเจกต์โซลาร์ “สูบน้ำ-บ้าน-รถไถ-เลื่อย” มาเพียบ

อึ้ง ! แห่ยื่นของบกองทุนอนุรักษ์ฯ 1.1 แสนล้าน จำนวนกว่า 5 พันโครงการ โดยส่วนราชการขอมากสุด 9.2 หมื่นล้าน ส่องโปรเจกต์ที่นิยมเสนอโครงการโซลาร์สูบน้้ำบาดาลแก้ภัยแล้ง ปลูกผักเพ่ื่อพัฒนาสู่แหล่งท่องเที่ยว โซลาร์โฮม รถไถโซลาร์ เลื่อยโซลาร์ เผยยึดกรอบเดิมส่งถึงมือ “ดร.สมคิด” อนุมัติกลางเดือน มิ.ย. นี้ คิกออฟเริ่มโครงการได้ วันที่ 1 ก.ค 63

แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยกับ “สำนักข่าวไทยมุง” ว่า หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ส.กทอ.) ได้ปิดรับการยื่นเสนอโครงการของบจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานปี 2563 จำนวน 5.6 พันล้านบาท เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการประชุมพิจารณาคัดเลือกโครงการของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการฯ มีนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ซึ่งจะได้กลั่นกรองพิจารณาโครงการที่เสนอมาทั้งหมด โดยปีนี้มีหน่วยงานต่างๆ ให้ความสนใจยื่นเสนอของบจากกองทุนอนุรักษ์ฯ ผ่านทางแอดมิน มากถึง 5,155 โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 112,251 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนราชการ ยื่นขอมากที่สุดจำนวน 3,632 โครงการ วงเงิน 92,973 ล้านบาท รองลงมาเป็นจากสถาบันการศึกษา จำนวน 1,252 โครงการ วงเงิน 17,453 ล้านบาท รัฐวิสาหกิจ จำนวน 10 โครงการ วงเงิน 1,183 ล้านบาท และองค์กรเอกชนไม่แสวงหากำไร จำนวน 261 โครงการ วงเงิน 641 ล้านบาท

สำหรับโครงการที่ยื่นเสนอของบจากกองทุนอนุรักษ์ฯ ในปีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณ์โครงการเพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ ฟื้นฟูเศรษฐกิจในชุมชน แก้ปัญหาภัยแล้ง โดยมีโครงการที่เด่นๆ อาทิ โครงการสูบน้ำบาดาลด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการห้องเย็นพลังงานแสงอาทิตย์ โรงคัดล้าง ซึ่งจะมีการต่อยอดจากการปลูกผักของชุมชนพัฒนาไปสู่แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลายแล้ว โครงการโซลาร์โฮม โครงการรถไถพลังงานแสงอาทิตย์ และเลื่อยไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น

“ปีนี้มีโครงการยื่นเข้ามาของบเป็นจำนวนมาก แต่การพิจารณาก็ยังยึดตามรายละเอียดหลักเกณฑ์ที่ตั้งไว้แล้ว จึงไม่น่าจะล่าช้าจากแผนที่กำหนดไว้ หลังจากคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณาคัดเลือกโครงการที่ยื่นผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์แล้วจะเสนอต่อไปยังคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่มี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อพิจารณาอนุมัติเป็นขั้นตอนสุดท้าย โดยไม่ผ่านการพิจารณาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งคาดว่าจะอนุมัติงบให้โครงการที่เสนอมาได้ในช่วงกลางเดือน มิ.ย.นี้ และเริ่มเดินหน้าโครงการได้ในวันที่ 1 ก.ค. 63 นี้” แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าว ย้ำว่า ขั้นตอนการพิจารณางบกองทุนอนุรักษ์ฯ ในปี 2563 นี้ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เน้นย้ำความโปร่งใส โดยได้วางหลักเกณฑ์ที่เข้มงวดในการพิจารณากลั่นกรองคัดเลือกโครงการ ถือเป็นการปฏิรูปการพิจารณาอนุมัติโครงการเติมต่างจากปีที่ผ่านมา ซึ่งจากเดิมได้เน้นไปที่โครงการซื้อของ และไม่มีการเปิดเผยชืี่อโครงการที่มีการอนุมัติแล้ว แต่ปีนี้จะให้ความสำคัญโครงการลักษณะซื้อของน้อยมาก ในทางตรงกันข้ามจะให้ความสำคัญกับโครงการที่สามารถพัฒนาต่อยอด เช่น ก่อให้เกิดการจ้างงาน การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก การยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในชุมชนเป็นหลัก

ที่สำคัญได้วางโครงสร้างหลักเกณฑ์การทำงานที่ให้เกิดความโปร่งใส ชัดเจน สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งปีนี้ก็จะเป็นปีแรกที่โครงการต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจะถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของสำนักงาน กบท. เพื่อเปิดเผยให้สาธารณะตรวจสอบได้ และมีการติดตามและประเมินผลแต่ละโครงการต่อไปด้วย เพื่อเป็นการป้องกันการแทรกแซงขอโครงการจากนักการเมือง

นอกจากนี้ การทำงานของกองทุนอนุรักษ์ฯ ปีนี้ได้มีโครงสร้างบริหารงานผ่านคณะอนุกรรมการ 4 ส่วน ได้แก่ 1.คณะอนุกรรมการกองทุนฯ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน จะดำเนินการในเรื่องของการวางยุทธศาสตร์ นโยบายและทิศทางของพลังงานไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการอนุมัติโครงการ 2.คณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการฯ มีนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ทำหน้าที่กลั่นกรองและเสนอความเห็นเกี่ยวกับ งบประมาณรายจ่ายประจำปี/แผน/งาน/โครงการ ต่อคณะกรรมการกองทุนฯ 3.คณะอนุกรรมการติดตามและประเมินผล มี ดร.พลายพล คุ้มทรัพย์ เป็นประธาน ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในปีนี้ จุดประสงค์เพื่อให้ทุกเม็ดเงินที่ได้รับการสนับสนุนไปมีการติดตามประเมินผลก่อนและหลังโครงการว่าเกิดผลลัพธ์อย่างไร ซึ่งถือเป็นเรื่องที่กระทรวงพลังงานให้ความสำคัญ และ 4.คณะอนุกรรมการบริหารสำนักงานบริหารกองทุนฯ มี ศ.สกล วรัญญวัฒนา เป็นประธาน เพื่อปรับปรุงโครงสร้างสำนักงาน กทบ. ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ก่อนหน้านี้ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยืนยันการทำงานว่า กระทรวงพลังงานมีจุดยืนในการทำงานที่พร้อมจะเปิดเผย เพื่อสร้างความโปร่งใส ตรวจสอบได้ให้เกิดขึ้น ปีนี้จะเป็นปีแรกโครงการที่ได้รับอนุมัติทั้งหมดจะนำเปิดเผยสู่สาธารณชนทางเว็บไซต์ เพื่อให้สารณารณชนสามารถตรวจสอบได้ว่าโครงการดังกล่าวตรงตามเงื่อนไขหรือไม่ และจะมีการติดตามและประเมินผลโครงการหลังจากได้รับอนุมัติโครงการด้วย ส่วนข้อกังวลประเด็นการเมืองที่จะเข้ามาแทรกแซงการทำงานของกองทุนอนุรักษ์ฯ นั้น ผมขอย้ำว่าจะไม่เปิดโอกาสให้ใครใช้อำนาจเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ ซึ่งหากใครมีเบาะแสความไม่โปร่งใสก็ขอให้ร้องเรียนเข้ามาจะดำเนินการตรวจสอบทันที จึงขอให้ความมั่นใจได้ว่ากระบวนการพิจารณาอนุมัติโครงการของกองทุนอนุรักษ์ฯ มีความชัดเจนในตัว เป็นไปอย่างเปิดเผย โปร่งใส และตรวจสอบได้ ผมไม่กังวลเลยว่าการพิจารณาอนุมัติงบกองทุนฯ จะส่งผลกระทบต่อเก้าอี้รัฐมนตรีของผมเอง เพราะว่าผมไม่มีอะไรที่ไม่โปร่งใส ถ้าผมไม่โปร่งใสถึงจะกังวล

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button