คมนาคม

กทม. เปิดประมูลอี-บิดดิ้งจ้างเอกชนวิ่งรถเมล์ BRT สายช่องนนทรี – ราชพฤกษ์ 3 เดือน มูลค่ากว่า 38 ล้านบาท

กทม. ต่ออายุโครงการรถเมล์ BRT หลังจากทบทวนแล้วได้ข้อสรุปว่ามีความจำเป็นอย่างมากที่โครงการต้องได้ไปต่อ เพราะมีประโยชน์ต่อประชาชนส่วนใหญ่ เร่งเปิดประกวดราคาวิธีอี-บิดดิ้งจ้างเอกชนวิ่งรถ 3 เดือน กว่า 38 ล้านบาท รอลุ้นผลเสนอราคา 8 ส.ค.นี้ พร้อมทำแผนระยะยาวเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการให้ดียิ่งขึ้น

แหล่งข่าวจากสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้ข้อมูลต่อเว็บไซต์ “สำนักข่าวไทยมุง” เกี่ยวกับโครงการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ หรือ BRT ว่า ในวันที่ 8 ส.ค.66 นี้ ระหว่างเวลา 13.00 – 16.00 น. กทม. จะดำเนินการประกวดราคาจ้างโครงการบริหารจัดการเดินรถโดยสารด่วนพิเศษ (BRT) ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณ 38,913,000 บาท มีกำหนดระยะเวลาดำเนินการ 3 เดือน ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ ( e-bidding)

โดย กทม. ได้ทำการทบทวนและวิเคราะห์การดำเนินโครงการเสร็จเรียบร้อย ซึ่งได้ข้อสรุปว่ามีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องดำเนินการต่อไป เนื่องจากมีประโยชน์ต่อประชาชนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย – ปานกลาง มีส่วนส่งเสริมให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งสาธารณะแทนการใช้ยานพาหนะส่วนบุคคล เพื่อลดปัญหาการจราจรที่หนาแน่นบนถนนในกรุงเทพมหานคร และยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการต่อไปในอนาคต

ประกอบกับในวันที่ 31 ส.ค. 66 นี้ สิทธิการเดินรถ ที่ กทม. ได้มอบหมายต่อบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด จะสิ้นสุดลง กทม. จึงต้องกำหนดแผนการดำเนินโครงการทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการของโครงการให้ดียิ่งขึ้น

กทม. จึงได้ออกประกาศประกวดราคาจ้างโครงการบริหารจัดการเดินรถโดยสารด่วนพิเศษ (BRT) ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ ( e-bidding) โดยมีความประสงค์จะว่าจ้างจัดการเดินรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ BRT ให้บริการกับประชาชนในเส้นทางสายช่องนนทรี – ราชพฤกษ์ ระยะทางประมาณ 15.70 กม. จำนวน 12 สถานี ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณ 38,913,000 บาท มีกำหนดระยะเวลาดำเนินการ 3 เดือน นับจากวันที่แจ้งให้เริ่มงาน

ทั้งนี้ กทม. ได้กำหนดราคากลางไว้ที่ 38,343,000 บาท แบ่งเป็น

1.งานเดินรถโดยสาร ประกอบด้วย ค่าจ้างพนักงานขับรถ และหัวหน้าบริหารการเดินรถ 3 เดือน รวมเป็นเงิน 10,197,000 บาท, ค่าบริหาร (ทะเบียน ภาษี และประกันภัย) 1 รายการ เป็นเงิน 903,525 บาท

2.งานบริหารสถานีและซ่อมบำรุง ประกอบด้วย ค่าจ้างเงินเดือนและสวัสดิการประจำสถานี 3 เดือน รวมเป็นเงิน 3,816,000 บาท, ค่าซ่อมบำรุงสถานีและระบบต่างๆ 3 เดือน รวมเป็นเงิน 5,538,000 บาท, ค่าบริหารสถานีและศูนย์ควบคุมการเดินรถ 3 เดือน รวมเป็นเงิน 4,102,200 บาท

3.ค่าเชื้อเพลิง 3 เดือน รวมเป็นเงิน 5,142,000 บาท
4.ค่าซ่อมบำรุงรถโดยสาร 3 เดือน รวมเป็นเงิน 6,136,020 บาท

และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% เป็นเงิน 2,508,432.15 บาท

โดยผู้ยื่นข้อเสนอ จะต้องมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่ กทม. กำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ยื่นข้อเสนอต้องมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการเดินรถโดยสาร หรือมีประสบการณ์ในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับระบบการจัดการเดินรถโดยสารที่ใช้ก๊าซ NGV เป็นเชื้อเพลิงอย่างน้อย 1 ปี

ส่วนหลักเกณฑ์การพิจารณาตัดสินนั้น กทม. จะใช้หลักเกณฑ์ราคาที่ผู้ยื่นข้อเสนอได้เสนอราคาเหมารวมต่ำสุด และยื่นเอกสารหลักฐานครบถ้วนถูกต้องตามที่ กทม. กำหนด

โดย กทม. จะจ่ายเงินว่าจ้างให้แก่ผู้รับจ้างเป็นงวดงาน (1 งวด เท่ากับ 1 เดือน) ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายประจำ คือ ค่างานเดินรถโดยสาร ค่างานบริหารสถานีและซ่อมบำรุงสถานี ค่าใช้จ่ายผันแปร คือค่าซ่อมบำรุงรถโดยสาร (จ่ายค่าซ่อมบำรุงตามจริงแต่ไม่เกิน กม.ละ 18 บาท และค่าเชื้อเพลิง NGV (จ่ายตามการใช้งานจริง)

ได้รับการคัดเลือกแล้ว ผู้รับจ้างจะต้องจัดเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านบุคลากร รถโดยสาร ตรวจสอบความพร้อมของเส้นทางและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องในการเดินรถ เช่น อาคารสำนักงานและสถานี รวมถึงการซ่อมบำรุงรักษาและซ่อมแซมปรับปรุงระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการเดินรถ รวมถึงงานต่อทะเบียนและประกันภัย พร้อมทั้งจะต้องจัดการเดินรถโดยสารให้บริการ ตามที่ กทม. กำหนด คือเวลา 06.00 น. – 24.00 น. ทุกวันรวมทั้งวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ให้เพียงพอต่อความต้องการ โดยพิจารณาจากจำนวนผู้โดยสารในแต่ละช่วงเวลา พร้อมทั้งต้องมีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลในการให้บริการเดินรถให้แก่ผู้โดยสารและผู้เกี่ยวข้องรับทราบ อีกทั้งจะต้องควบคุมคุณภาพในการเดินรถให้อยู่ในมาตรฐานที่ดี ต้องมีการรับฟังข้อร้องเรียนเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขโดยเร็ว

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button