พลังงาน

เปิดเทอมใหม่แบบรักษ์โลกด้วย “ชุดนักเรียนเบอร์ 5” ใส่สบาย ไม่ต้องรีด พร้อมเดินหน้าฉลากเบอร์ 5 ผลิตภัณฑ์ด้านยานยนต์ไฟฟ้า

กฟผ. จับมือ “พันธมิตร” เปิดตัวชุดนักเรียนเบอร์ 5 ประหยัดพลังงาน ต้อนรับเปิดเทอมใหม่แบบรักษ์โลก สวมใส่สบาย ไม่ต้องรีด พร้อมเดินหน้าการติดฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 สำหรับอุปกรณ์ชาร์จ EV แบตเตอรี่จักรยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนหลายชุดระบบปรับน้ำยาแปรผัน หนุนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

วันนี้ (27 ตุลาคม 2565) นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยนายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และหน่วยงานพันธมิตร ร่วมพิธีลงนามความร่วมมือโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 พร้อมมอบโล่โครงการที่ปรึกษาพลังงาน และโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 เพื่อส่งเสริมและผลักดันให้เกิดการลดการใช้ไฟฟ้า อนุรักษ์พลังงาน ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มุ่งสู่พลังงานสะอาด และความเป็นกลางทางคาร์บอน ตามเป้าหมายของประเทศ

นายกุลิศ กล่าวว่า กฟผ.กับพันธมิตร ร่วมมือกันในโครงการติดฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 สำหรับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอร์รี่ รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ นับว่าได้มาถูกจังหวะในช่วงวิกฤติพลังงานที่ค่าไฟฟ้ามีราคาสูงขึ้น แม้ว่าภาครัฐได้เข้าไปช่วยเหลือในส่วนนี้ แต่ถ้าสถานการณ์ยืดเยื้อออกไปจำเป็นต้องร่วมมือกันอนุรักษ์และประหยัดพลังงาน เพราะถ้าหากเริ่มจากระดับครัวเรือน ขยายไปยังหมู่บ้าน ที่ทำงาน โรงงาน จะทำให้ช่วยการประหยัดพลังงานได้เยอะมาก ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานนายสุพัฒนพงษ์ พันธุมีเชาว์ เคยกล่าวไว้ว่า  ถ้าทุกคนช่วยกันประหยัดพลังงานได้ 20% จะสามารถประหยัดพลังงานคิดเป็นเงินได้เกิน 1 แสนล้านบาท ทีเดียว

“วันนี้ กฟผ. ใช้กลยุทธ์ 3 อ. เพื่อประหยัดพลังงาน ยกตัวอย่าง อ. อุปกรณ์ติดฉลากประหยัดพลังงาน ถ้าติดดาว 3 ดาว จะประหยัดพลังงานมากกว่าเบอร์ 5 ธรรมดา ถึง 495 บาท หรือประมาณ 27% และถ้าขยายไปยังอาคารอาคารต่างๆ ก็จะประหยัดพลังงานได้มากขึ้น โดยเฉพาะอาคารที่มีการใช้ไฟฟ้ามากที่สุดอย่างอาคารพาณิชย์ โรงแรม สถานที่ราชการ โรงงานอุตสาหกรรม และการลงนามความร่วมมือยังจะทำให้เกิดนวัตกรรมต่างๆ ด้านการประหยัดพลังงานอย่างเช่น เตาไฟฟ้าที่กำลังนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในตอนนี้ หากติดฉลากเบอร์ 5 ได้ก็จะประหยัดไฟฟ้า และจูงใจให้ประชาชนมาใช้เตาไฟฟ้าลดการใช้แก๊สหุงต้มที่มีราคาแพงที่ภาครัฐอุดหนุนราคาให้อยู่ที่ 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัมในเวลานี้”

ทั้งนี้ กฟผ. ได้ดำเนินงานจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า หรือ DSM ด้วยกลยุทธ์ 3 อ. ได้แก่ อ. ที่ 1 อุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 อ. ที่ 2 อาคารและอุตสาหกรรมประสิทธิภาพพลังงานสูง และ อ. ที่ 3 อุปนิสัยการใช้พลังงานคุ้มค่าและปลอดภัย เพื่อส่งเสริมให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และภาคที่อยู่อาศัย ใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยมาตรการต่าง ๆ ที่เหมาะสมและคุ้มค่า ส่งผลให้ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้เกือบ 35,000 ล้านคิดเป็นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ ถึง 16.4 ล้านตัน

ด้านนายบุญญนิตย์ กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ระหว่าง กฟผ. กับบริษัทผู้ประกอบการ โดยได้ประกาศเชิญชวนผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ผู้นำเข้า สมัครเข้าร่วมโครงการฯ พร้อมร่วมกันกำหนดมาตรฐานการทดสอบและเกณฑ์ประสิทธิภาพเบอร์ 5 เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งจะดำเนินการทดสอบเพื่อติดฉลากเบอร์ 5 และเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนเมษายน 2566 เป็นต้นไป รวม 43 ราย 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่

เครื่องอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า 2 ประเภท เครื่องอัดประจุไฟฟ้ากระแสสลับ แบบชาร์จปกติ  ที่ใช้  ในบ้านประชาชนทั่วไป และเครื่องอัดประจุไฟฟ้ากระแสตรง หรือแบบชาร์จเร็ว ที่มีให้บริการตามสถานีชาร์จ และสถานที่ชุมชนต่าง ๆ

นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่จักรยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน สำหรับใช้ในการขับเคลื่อนโมเปดไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ที่ออกแบบให้สามารถถอดออกจากตัวรถได้ และเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนหลายชุดระบบปรับน้ำยาแปรผัน เป็นเครื่องปรับอากาศที่มี  ชุดคอยล์ร้อน 1 ชุด ต่อกับชุดคอยล์เย็นภายในห้องหลายชุด เหมาะสำหรับใช้ในอาคาร และสำนักงานทั่วไป

รวมถึงการการมอบโล่แสดงความขอบคุณองค์กรที่เข้าร่วมโครงการที่ปรึกษาพลังงาน จำนวน 19 ราย องค์กรที่เข้าร่วมโครงการบ้านเบอร์ 5 และโครงการอาคารเบอร์ 5 จำนวน 5 ราย  ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ปี 2563 – 2565 ได้แก่ กรยานยนต์ไฟฟ้า เครื่องซักผ้าแบบถังนอน และเครื่องฟอกอากาศ รวม 31 ราย

“ในแต่ละปีจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ติดฉลากเบอร์ 5 เข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งนอกจากช่วยประหยัดพลังงานแล้วยังช่วยให้ผู้ประกอบการขายสินค้าได้มากขึ้นด้วย เพราะผู้บริโภคจะเลือกสินค้าที่มีประสิทธิภาพสูง แม้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ประหยัดพลังงานจะมีต้นทุนขึ้นมาอีกนิดนึ่ง แต่ในระยะยาวมีความคุ้มค่ามากกว่า”ผู้ว่าฯ กฟผ. กล่าว

ส่วนชุดนักเรียนตอนนี้ยังใช้เวลารีดค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับผ้าแบบดั้งเดิม แต่กำลังพัฒนาไปถึงจุดที่ไม่ต้องรีด เพื่อให้เสื้อนักเรียนเมื่อซักเสร็จตากให้แห้งแล้วสามารถสวมใส่ได้เลย

สำหรับภายในงานครั้งนี้มีกิจกรรมหลากหลายการเปิดตัวและติดฉลากชุดนักเรียนเบอร์ 5 อย่างเป็นทางการ เนื่องจากชุดนักเรียนเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณการผลิตและการซื้อจำนวนมากในแต่ละปี ทั้งยังมีการใช้ซ้ำ ซักรีดบ่อย กฟผ. จึงร่วมมือกับสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอพัฒนามาตรฐานชุดนักเรียน เบอร์ 5 โดยมีคุณสมบัติสวมใส่สบาย ยับยาก ลดการรีดผ้า ลดใช้พลังงาน เนื่องจากใช้เทคโนโลยี CoolMode ช่วยลดอุณหภูมิขณะสวมใส่ลง 1-5 องศาเซลเซียส ทำให้ใส่แล้วเย็นสบาย มีความคงทนของเนื้อผ้าและคืนตัวหลังการซัก จึงช่วยประหยัดเวลาในการรีดผ้าตัวละ  2 นาที คิดเป็นการประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ถึงปีละ 7.75 ล้านหน่วย หรือประมาณปีละ 31 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 3,709 ตัน/ปี

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button