คมนาคม

กทพ.เดินหน้าเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนทางด่วนสาย “เมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้” จ.ภูเก็ต ก่อนรวบรวมข้อเสนอแนะด้านสิ่งแวดล้อมนำเสนอ สผ. คาดขออนุมัติโครงการภายในปี 66

กทพ.เดินหน้าเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนทางด่วนสาย “เมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้” จังหวัดภูเก็ต ก่อนรวบรวมข้อเสนอแนะด้านสิ่งแวดล้อมนำเสนอ สผ. คาดขออนุมัติโครงการภายในปี 66 กำหนดก่อสร้างเสร็จภายในปี 2571 รองรับ Specialized Expo 2028

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม เปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนและผู้ที่สนใจเข้าร่วมการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 3 สรุปผลการศึกษาความเหมาะสมของโครงการทางพิเศษสายเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ จังหวัดภูเก็ต โดยมีพล.ร.ต. ณัฐพงค์ ญาโณทัยขจิตต์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดภูเก็ต (ฝ่ายทหาร) และนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย  เป็นประธานในการเปิดการประชุมในครั้งนี้ โดยการประชุมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพื่อนำเสนอสรุปผลการศึกษาของโครงการในทุกด้านทั้งวิศวกรรม การเงินและเศรษฐกิจ และผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยเชิญกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ทั้งหน่วยงานราชการ หน่วยงานภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่โครงการ เข้าร่วมประชุม ร่วมกับการประชุมทางไกล ผ่านโปรแกรม zoom รวมผู้เข้าประชุม 500 คน เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน  2566 ณ โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ จังหวัดภูเก็ต


พล.ร.ต. ณัฐพงค์ ญาโณทัยขจิตต์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดภูเก็ต (ฝ่ายทหาร) กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวทางทะเลระดับโลก โดยจังหวัดภูเก็ตประสบกับปัญหาการจราจรติดขัดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะทางหลวงหมายเลข 402 ซึ่งเป็นเส้นทางหลักเพียงสายเดียว ที่ใช้ในการเดินทางเชื่อมโยงระหว่างท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตและพื้นที่ทางด้านเหนือของเกาะภูเก็ตกับตัวเมืองภูเก็ตรวมถึงแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ เนื่องจากข้อจำกัดของทางหลวงหมายเลข 402 ที่ไม่สามารถรองรับปริมาณจราจรในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้าและเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากไม่รีบดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะทำให้ผู้สัญจรเกิดความล่าช้าในการเดินทาง ส่งผลกระทบทางลบต่อการดำรงชีวิตของคนภูเก็ตและนักท่องเที่ยว ตลอดจนส่งผลกระทบต่อภาพเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดภูเก็ตและประเทศในระยะยาวได้ และได้ขอบคุณ การทางฯ กระทรวงคมนาคม ที่แก้ไขปัญหาจราจร อำนวยความสะดวกในการเดินทางของชาวภูเก็ต และนักท่องเที่ยวด้านนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่า กทพ. เปิดเผย การเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้มีประชาชน และหน่วยงานในพื้นที่ให้ความสนใจจำนวนมาก และได้เสนอแนะความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ซึ่งทางบริษัทที่ปรึกษาฯ ที่เป็นมืออาชีพจะได้นำไปประกอบการปรับปรุงเพิ่มเติมข้อเสนอแนะเมาตรการประกอบการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ก่อนที่จะนำเสนอสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน อย่างต่อเนื่อง 4 ครั้งที่ เพื่อได้รับรู้ รับทราบข้อมูลความเป็นมาของโครงการ รวมทั้งเหตุผลและความจำเป็นในการพัฒนาโครงการตลอดจนร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการพัฒนาโครงการ รวมทั้งเพื่อแจ้งให้ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากโครงการ หรือกลุ่มผู้ถูกเวนคืน ได้รับทราบแผนการดำเนินงานของโครงการตั้งแต่ต้น ซึ่งการดำเนินการโครงการมีทั้งผู้มีส่วนได้และส่วนเสีย แต่การทางฯ จะยืนยันจะจ่ายค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินให้เป็นธรรมที่สุด

ทั้งนี้ การทางฯ คาดว่าขออนุมัติโครงการในปี 2566 ถึง 2567 และออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดินและจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินในปี 2567 ถึงปี 2569 โดยจะเริ่มก่อสร้างโครงการฯ ในปี 2568 ถึงปี 2570 และเปิดให้บริการในปี 2571 รับการเป็นเจ้าภาพงาน Specialized Expo 2028

สำหรับโครงการนี้มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 45,300 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินประมาณ 22,750 ล้านบาท และค่าก่อสร้างโครงการ (รวมค่าควบคุมงาน) ประมาณ 22,550 ล้านบาท โดยโครงการมีความเหมาะสมคุ้มค่าต่อการลงทุน โดยมีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) ร้อยละ 24.63 และมีอัตราผลตอบแทนทางการเงินของโครงการ (FIRR) ร้อยละ 1.53

“การทางฯ มีความมุ่งมั่นที่จะเร่งรัดในการพัฒนาทางพิเศษสายเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ จังหวัดภูเก็ต ให้เชื่อมโยงทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการในการเดินทางของผู้ใช้เส้นทางทุกกลุ่ม อำนวยความปลอดภัยในการจราจร ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อพื้นที่โครงการในภาพรวม และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมในระดับประเทศ”

สำหรับแนวเส้นทางโครงการในช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว ได้นำแนวเส้นทางโครงการตามการออกแบบเดิมของกรมทางหลวงมาดำเนินการออกแบบกรอบรายละเอียด โดยแนวเส้นทางโครงการเริ่มต้นที่ กม.0+000 บริเวณทางหลวงหมายเลข 4026 ห่างจากแยกทางหลวงหมายเลข 402 และทางหลวงหมายเลข 4026 ประมาณ 850 เมตร เชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข 4026 ในลักษณะทางแยกต่างระดับ (ทางแยกต่างระดับเมืองใหม่) ก่อนจะมุ่งลงทิศใต้ ยกระดับเป็นสะพานข้ามทางหลวงหมายเลข 4031 บริเวณ กม.4+450 ผ่านทางหลวงหมายเลข 4030 บริเวณ กม.9+150 เชื่อมต่อเป็นทางแยกต่างระดับ (ทางแยกต่างระดับบ้านดอน) แล้วจึงตัดผ่านเป็นสะพานยกระดับข้ามถนนทางหลวงชนบท ภก.4015 บริเวณ กม.13+050 ก่อนจะถึงบริเวณ กม.14+450 เชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 4025 เป็นทางแยกต่างระดับ (ทางแยกต่างระดับม่าหนิก 1) ที่บริเวณ กม.16+100 แนวเส้นทางจะบรรจบกับทางร่วมบรรจบไปเกาะแก้ว (Spur Line) เชื่อมต่อเป็นทางแยกต่างระดับ (ทางแยกต่างระดับม่าหนิก 2) ที่บริเวณ Premiem Outlet จากนั้นแนวเส้นทางจะเข้าสู่พื้นที่เทือกเขากมลาในลักษณะอุโมงค์ที่ กม.17+415 – กม.19+165 โดยแนวเส้นทางจะมุ่งลงใต้ ยกระดับข้ามถนนทางหลวงชนบท ภก.3030 บริเวณ กม.19+600 และจะยกระดับบนถนนวิชิตสงครามบริเวณ กม.21+400 – กม.22+000 แนวเส้นทางมุ่งทิศใต้ข้ามทางหลวงหมายเลข 4029 แล้วจึงเข้าบรรจบกับโครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง สิ้นสุดแนวเส้นทางที่ กม.24+447 ระยะทางรวมทั้งหมด 30 กิโลเมตร

นอกจากนี้ ทางพิเศษที่มีการควบคุมการเข้าออกเต็มรูปแบบ (Full Control of Access) โดยการกั้นรั้วและให้เข้า-ออกทางหลักของโครงการได้เฉพาะจุดที่กำหนด โดยออกแบบเป็นทางพิเศษขนาด 4 ช่องจราจร ขนาดช่องจราจรละ 3.50 เมตร เกาะกลาง 16.20 เมตร รองรับการขยายช่องจราจรในอนาคต ไหล่ทางด้านใน 1.50 เมตร ไหล่ทางด้านนอก 2.50 เมตร และเนื่องจากรูปแบบโครงการเป็นทางพิเศษที่มีการควบคุมการเข้าออก จึงจำเป็นต้องมีการออกแบบทางบริการฝั่งละ 2 ช่องจราจรแบบวิ่งสวนทิศทางจราจรตามความเหมาะสมเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่สามารถสัญจรได้ตามเดิม โดยไม่ถูกทางพิเศษปิดกั้นสำหรับช่วงแนวเส้นทางในการต่อขยายเข้าสู่กะทู้และเชื่อมต่อกับทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง แนวเส้นทางผ่านพื้นที่เขากมลาซึ่งเป็นพื้นที่ภูเขาสูงชัน จึงออกแบบเป็นอุโมงค์คู่ อุโมงค์ละ 2 ช่องจราจร และช่วงแนวเส้นทางที่ผ่านพื้นที่เมืองกะทู้จะออกแบบเป็นทางพิเศษยกระดับขนาด 4 ช่องจราจรมีแนวเส้นทางอยู่บนถนนเดิมโครงการได้มีการกำหนดรูปแบบทางแยกต่างระดับ และรูปแบบทางขึ้น-ลงของโครงการ ไว้ทั้งหมด 7 แห่ง ได้แก่1.  ทางแยกต่างระดับเมืองใหม่ เชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 4026 (จุดเริ่มต้นโครงการ)ออกแบบเป็น Trumpet Interchange การจราจรสามารถวิ่งได้อย่างลื่นไหลทุกทิศทางโดยไม่ติดขัด2.  ทางแยกต่างระดับบ้านดอน เชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 4030ออกแบบทางหลักเป็นสะพานข้ามทางหลวงหมายเลข 4030 ทิศทางเลี้ยวอื่นเป็น 4 แยกสัญญาณไฟ3.  ทางแยกต่างระดับม่าหนิก 1 เชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 4025ออกแบบเป็น Trumpet Interchange โดยเชื่อมกับทางหลวงหมายเลข 4025 เป็น 3 แยกสัญญาณไฟ4.  ทางแยกต่างระดับม่าหนิก 2 เชื่อมต่อระหว่างทางหลักและทางร่วมบรรจบเป็น System Interchangeออกแบบเป็น Y-Interchange แต่ทิศทางเลี้ยวขวาจากกะทู้ไปทางเกาะแก้วที่มีปริมาณจราจรน้อยจะออกแบบเป็นทางกลับรถ5.  ทางแยกต่างระดับบางคู เชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 4024 (จุดสิ้นสุดทางร่วมบรรจบ)ออกแบบเป็น Y-Interchange โดยทางหลักเชื่อมเข้าทางหลวงหมายเลข4024 เป็นรูปแบบสะพานยกข้าม6.  ทางขึ้น-ลง วิชิตสงคราม เชื่อมต่อกับถนนวิชิตสงครามในลักษณะ 3 แยก ก่อนจะยกระดับเข้าเชื่อมกับทางหลัก7.  ทางเชื่อมต่อโครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตองและมีด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษของโครงการ มีทั้งหมด 6 ด่าน โดยแต่ละด่านเก็บค่าผ่านทางมีช่องเก็บค่าผ่านทางในทิศทางเข้าสู่โครงการเป็นช่องทางแบบ Multilane Free Flow (M-FLOW) ขนาด 2 ช่อง ซึ่งสามารถผ่านได้โดยไม่ต้องหยุดหรือชะลอรถ ส่วนทิศทางขาออกจากโครงการมีช่องเก็บค่าผ่านทาง 6 ช่อง โดยเป็นช่องเก็บค่าผ่านทางแบบ M-FLOW 2 ช่อง และแบบ Easy pass หรือระบบเก็บเงินสด 4 ช่อง มีตำแหน่งดังนี้1 ด่านเมืองใหม่ ตั้งอยู่ที่ กม.2+900 รองรับการจราจรเข้า-ออกจากทางแยกต่างระดับเมืองใหม่2 ด่านบ้านดอน 1 ตั้งอยู่ที่ กม. 8+700 รองรับการจราจรจากทางแยกต่างระดับบ้านดอน (ทิศทางไปสนามบินภูเก็ต)3 ด่านบ้านดอน 2 ตั้งอยู่ที่ กม.9+550 รองรับการจราจรจากทางแยกต่างระดับบ้านดอน (ทิศทางไปเมืองภูเก็ต)4 ด่านม่าหนิก 1 ตั้งอยู่ที่ กม.14+800 รองรับปริมาณจราจรจากทางแยกต่างระดับม่าหนิก 15 ด่านบางคู ตั้งอยู่ที่ กม. 1+600 (ทางร่วมบรรจบ) รองรับปริมาณจราจรจากทางแยกต่างระดับบางคู6 ด่านม่าหนิก 2 ตั้งอยู่ที่ กม. 16+800 รองรับปริมาณจราจรจากทางขึ้น-ลงกะทู้ และทางแยกต่างระดับม่าหนิก 2นอกจากนี้ ยังมีจุดแวะพักสำหรับผู้ใช้ทาง จำนวน 2 แห่ง ได้แก่พื้นที่บริการทางพิเศษ (Service Area) ตั้งอยู่ที่ กม. 3+800 (ทิศทางไปสนามบินภูเก็ต) มีขนาด 43 ไร่ ประกอบด้วย พื้นที่จอดรถและมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เช่น อาคารศูนย์อาหารและร้านค้า ศาลาพักผ่อนสำหรับผู้เดินทาง ห้องน้ำสาธารณะ และอาคารสถานีบริการข้อมูลข่าวสารจุดพักรถ (Rest Stop) บริเวณ กม 16+400 (ทิศทางไปเมืองภูเก็ต) มีขนาดประมาณ 13 ไร่ ประกอบด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ศาลาพักผ่อนสำหรับผู้เดินทาง และห้องน้ำสาธารณะอีกทั้งมีระบบจัดเก็บค่าผ่านทางของโครงการเป็นระบบปิด มีการจัดเก็บค่าผ่านทางตามระยะทางและตามประเภทรถ หลังจากปีเปิดบริการ (ปีงบประมาณ 2571) อัตราค่าผ่านทางจะถูกปรับขึ้นทุก ๆ 5 ปี ตามอัตราเงินเฟ้อโครงสร้างอัตราค่าผ่านทาง ราคา ณ ปีเปิดบริการ ประกอบด้วย อัตราค่าผ่านทางแรกเข้า 40/ 80/ 120 บาทต่อคัน สำหรับรถ 4 ล้อ/ 6-10 ล้อ/ มากกว่า 10 ล้อ และอัตราค่าผ่านทางต่อระยะทาง 1.50/ 3.00/ 4.50 บาทต่อกม. สำหรับรถ 4 ล้อ/ 6-10 ล้อ/ มากกว่า 10 ล้อ

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button