สังคมไทยมุง

“น้าสน”ทึ่งโมเดลธุรกิจบางจากเล็งนำไปต่อยอดในโรงไฟฟ้าชุมชน

“น้าสน”ประทับใจกลุ่มบางจากฯที่ได้มีการพัฒนาธุรกิจจนเป็นผู้นำด้าน BCG Economy Model และธุรกิจสีเขียว ทึ่งต้นแบบการทำโครงการ Digital Energy ผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปที่โครงการ T77 เล็งนำไปต่อยอดในโรงไฟฟ้าชุมชน

วันนี้ (18 ธ.ค.62) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน และคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพลังงาน ร่วมเยี่ยมชมการดำเนินงานและรับฟังการบรรยายสรุปการทำงานของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัทในกลุ่ม ที่สำนักงานใหญ่ อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ ถนนสุขุมวิท โดยมีนายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารบางจากฯ และผู้บริหารบริษัทในกลุ่ม ให้การต้อนรับ

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บางจากฯ กล่าวว่า บางจากฯ ได้ให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมมาพัฒนาธุรกิจ ร่วมไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคมเพื่อความยั่งยืนในทุกๆ กลุ่มธุรกิจของบริษัท ได้แก่ธุรกิจโรงกลั่นและค้าน้ำมัน ธุรกิจการตลาด ธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ธุรกิจพลังงานชีวภาพ และธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ

จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานพร้อมคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมชมโครงการแลกเปลี่ยนซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยบล็อกเชน (P2P Energy Trading) ที่โครงการ T77 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้านครหลวง และพาวเวอร์ เลดเจอร์ ประเทศออสเตรเลีย โดยมีนายอภิชัย ฤทธิบุตร ผู้อำนวยการ Center of Digital Energy (CODE) บีซีพีจี เป็นผู้บรรยายความคืบหน้าของโครงการ และมีผู้บริหารแสนสิริและโรงเรียนนานาชาติบางกอกเพร็พ ร่วมต้อนรับ

โดยโครงการ P2P Energy Trading ของบีซีพีจีที่ T77 ซึ่งเริ่มดำเนินการเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2561 ได้มีการแลกเปลี่ยนไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่เกิดขึ้นจริงระหว่างอาคารที่ร่วมโครง การจากรูปแบบความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ต่างกันของแต่ละอาคาร แต่ยังไม่มีการซื้อขายไฟฟ้า เป็นโครงการที่เข้าร่วม Sandbox ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อทดสอบข้อจำกัดของกฎเกณฑ์ในการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างภาคประชาชน และช่วยหาทางออกเพื่อเป็นแนวนโยบายในการกำหนดใช้ต่อไปอนาคต ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้เยี่ยมชมการดำเนินงานและรับฟังการบรรยายด้วยความสนใจ

นายชัยวัฒน์ กล่าวเสริมว่า กลุ่มบางจากฯ ยินดีให้ความร่วมมือ สนองนโยบายภาครัฐเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่จะช่วยให้เกิดความเข้มแข็งของชุมชนอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนหรือโครงการ Digital Retail Platform ระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก​ ตามที่ท่านรัฐมนตรีได้กล่าวไป โดยโครงการ Digital Retail Platform จะเริ่มดำเนินการในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563​ มีการคัดเลือกสินค้าชุมชน ของดีของอร่อยที่หายาก ตรงใจผู้บริโภคกลุ่มพรีเมี่ยม สามารถส่งออกได้ มาจำหน่ายทั้งแบบออนไลน์บนแพลตฟอร์ม และที่ร้านสะดวกซื้อสพาร์ ร้านกาแฟอินทนิล และสถานีบริการน้ำมันบางจาก

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมบางจากว่า จากการมาเยี่ยมชมวันนี้ รู้สึกประทับใจและชื่นชมกลุ่มบางจากฯ ที่ได้มีการพัฒนาธุรกิจที่หลากหลาย เป็นผู้นำด้าน BCG Economy Model โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจชีวภาพ (Bio Economy) และธุรกิจสีเขียว (Green Economy) มีการลงทุนในสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องกับด้านพลังงานและเศรษฐกิจชีวภาพทั้งในและต่างประเทศ ทำธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดจากหลายเทคโนโลยี เป็นต้นแบบการทำโครงการ Digital Energy ผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปที่โครงการ T77 และ
Smart University ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมถึงสถานีบริการน้ำมันอัจฉริยะ เป็นบริษัทไทยบริษัทเดียวที่ลงทุนในธุรกิจเหมืองลิเทียมในอเมริกาใต้ ซึ่งถือเป็นธุรกิจต้นน้ำของธุรกิจรถไฟฟ้าหรือ EV Cars พาหนะแห่งอนาคต ฯลฯ ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ละทิ้งการพัฒนาช่วยเหลือเศรษฐกิจฐานราก สนับสนุนชุมชนผ่านโครงการต่างๆ ที่บางจากฯ ได้ทำมาโดยตลอด

“ในวันนี้นอกจากการบรรยายสรุปการดำเนินงานแล้ว ยังได้มารับฟังความคืบหน้าโครงการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากที่ได้ฝากแนวคิดผู้บริหารบางจากฯ ไว้เมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้ว โดยกลุ่มบางจากฯ กำลังพัฒนาโครงการใหญ่ๆ 2 โครงการโดยใช้จุดแข็งของบางจากฯ คือเครือข่ายสหกรณ์และพันธมิตรทางธุรกิจหลายร้อยชุมชนทั่วประเทศ ได้แก่โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน และโครงการนำร่อง Digital Retail Platform เป็นความร่วมมือกับพันธมิตรหลายภาคส่วนในการหาตลาดให้กับสินค้าชุมชน นับว่าเป็นเรื่องที่จะช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรม”

นายสนธิรัตน์ กล่าวด้วยว่า จากการตรวจเยี่ยมกลุ่มบางจากครั้งนี้สิ่งที่ได้เรียนรู้จากที่นี่จะนำไปใช้กับโรงไฟฟ้าชุมชนที่ประชาชนทั่วประเทศกำลังเรียกร้องให้เกิดขึ้นเพื่อนำไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยจะจำเอาของมิติโครงการ P2P Energy Trading ของบีซีพีจีที่ T77 เอาไปใช้ในชุมชนก่อน ซึ่งจะเป็น Sandbox ที่เกิดขึ้นในโรงไฟฟ้าชุมชนด้วย

เกี่ยวกับบางจากฯ
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กลุ่มธุรกิจผู้นำนวัตกรรมสีเขียวเพื่ออนาคต มุ่งสร้างประโยชน์สูงสุดให้ทรัพยากรธรรมชาติ ใน 5 ธุรกิจหลักคือ 1) กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน เป็นโรงกลั่นแบบ Complex Refinery ที่ทันสมัย 2) กลุ่มธุรกิจการตลาด ช่องทางหลักในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านเครือข่ายสถานีบริการของบริษัทฯ กว่า 1,100 แห่ง มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ เสริมด้วยธุรกิจ Non – oil ร้านกาแฟอินทนิลและร้านสะดวกซื้อ SPAR เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน 3) กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ผ่านการดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของบมจ. บีซีพีจี ประกอบด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ลม ความร้อนใต้พิภพและน้ำ ในประเทศไทย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และลาว 4) กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ดำเนินการภายใต้ บมจ. บีบีจีไอ ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย 5) กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่ธุรกิจปิโตรเลียม ผ่านการถือหุ้นใน OKEA ASA ผู้พัฒนาและผลิตปิโตรเลียมในประเทศนอร์เวย์ และธุรกิจเหมืองลิเทียม ผ่านการถือหุ้นใน Lithium Americas Corp. (LAC) ผู้ประกอบธุรกิจเหมืองลิเทียมในประเทศอาร์เจนติน่าและสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ (BiiC) เพื่อสร้างระบบนิเวศน์สำหรับนวัตกรรมสีเขียว (Green Ecosystem) ส่งเสริมและผลักดันนวัตกรรมที่สนับสนุนการก้าวกระโดดของพลังงานสีเขียวและผลิตภัณฑ์ชีวภาพเพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืนด้านพลังงานของประเทศต่อไป

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button