พลังงาน

ทั่วโลกคลายล็อคดาวน์ ดันราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้น

สนพ. เผยการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก บวกกับซาอุดิอาระเบียและโอเปกพลัส ประกาศลดกำลังการผลิตเพิ่มเติม นักลงทุนขานรับมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เปิดเผยว่า สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลก ช่วงวันที่ 11 17 พฤษภาคม 2563 ราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 28.47 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 26.44 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 2.71 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 2.99 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับโดยซาอุดิอาระเบีย ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือนมิถุนายน ลงราว 5 ล้านบาร์เรล/วัน โอเปกพลัสและประเทศอื่นๆ พร้อมใจปรับลดกำลังการผลิต คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบยังคงมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น จากรัฐบาลในประเทศต่างๆ เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมัน ประกอบกับนักลงทุนขานรับมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจทั่วโลก

ทั้งนี้ ความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น จากมาตรการผ่อนคลายการปิดเมืองของหลายประเทศทั่วโลก โดยรายงานประจำเดือนของสำนักงานพลังงานสากล (IEAคาดการณ์การเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันในปี 63 จะหดตัวที่ 8.6 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งปรับสูงขึ้นจากคาดการณ์เดิม 690,000 บาร์เรล/วัน

สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIAรายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 8 พฤษภาค 2563 ปรับลดลง 745,000 บาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 15 สัปดาห์ หลังเผชิญหน้ากับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

โดยทางซาอุฯ จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือนมิถุนายน ลงราว 5 ล้านบาร์เรล/วัน อย่างไรก็ตาม กลุ่มโอเปกคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันโลกในปี 63 จะลดลงราว 9.07 ล้านบาร์เรล/วัน มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า 6.85 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งความต้องการใช้น้ำมันคาดว่าจะลดลงต่ำสุดในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

 

 

 

 

ขณะที่ปริมาณการใช้น้ำมันดิบของจีนในเดือนเมษายน 63 ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังความต้องการใช้น้ำมันในประเทศปรับตัวสูงขึ้น จากมาตรการผ่อนคลายการปิดเมือง

 

โดยราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปตลาดภูมิภาคเอเซีย น้ำมันเบนซินออกเทน 95 และ 92 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 32.05 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 29.31 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 4.71 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 3.92 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับโดยความต้องการใช้น้ำมันเบนซินปรับตัวสูงขึ้น หลังหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง ทำให้มีการขับขี่มากขึ้น

น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (10 PPMราคาเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 33.34 เหรียญต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.61 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งปัจจัยสนับสนุนจากการคลายมาตรการปิดเมืองในหลายประเทศ และอุปทานที่ลดลงจากการลดกำลังการผลิตและการปิดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงกลั่นหลายแห่งในภูมิภาค

 

ส่วนค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.26 บาท/เหรียญสหรัฐฯ มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 32.2835 บาท/เหรียญสหรัฐฯ ต้นทุนน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 0.91 บาท/ลิตร ในขณะที่ต้นทุนน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.28 บาท/ลิตร ทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล และน้ำมันดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 1.93 บาท/ลิตร และค่าการกลั่น เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 0.47 บาท/ลิตร

“ราคาน้ำมันดิบยังคงมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากรัฐบาลในประเทศต่างๆ เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมัน นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากการที่ซาอุดิอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีก ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือนมิถุนายน นอกเหนือจากที่ได้ปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลงของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ขณะที่ประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ต่างแสดงท่าทีพร้อมลดปริมาณการผลิตอย่างเร่งด่วน ประกอบกับนักลงทุนขานรับมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจทั่วโลก ที่ถูกผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19” นายวัฒนพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button