คมนาคม

“การบินไทย”ขาดทุนกว่า 1.1 หมื่นล้าน

“การบินไทย” เปิดผลประกอบการปี 61 ขาดทุนสุทธิกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 5.33 บาท ในขณะที่ปีก่อนขาดทุนต่อหุ้น 0.97 บาท เผยแบกรับภาระน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นในรอบ 4 ปีเพิ่มขึ้น 9.8 พันล้านบาท ราคาน้ำมันเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 30.1%

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2562 มีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานกรรมการบริษัท เป็นประธานในการประชุม โดยได้รับทราบผลการดำเนินงานประจำปี 2561 กลุ่มบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานประจำปี 2561 ของกลุ่มบริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานรวมจำนวน 199,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นทำให้กลุ่มบริษัทขาดทุนสุทธิ 11,569 ล้านบาท

ในปี 2561 บริษัท การบินไทยฯ ได้รับมอบเครื่องบินใหม่ จำนวน 5 ลำ และปลดระวางเครื่องบินแบบโบอิ้ง B737-400 จำนวน 2 ลำ ทำให้ฝูงบินของบริษัท และบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 มีจำนวน 103 ลำ สูงกว่า ณ สิ้นปีก่อน 3 ลำ โดยมีอัตราการใช้ประโยชน์ของเครื่องบิน 12.0 ชั่วโมง เท่ากับปีก่อน มีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) เพิ่มขึ้น 2.9% ปริมาณขนส่งผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้น 1.0% อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 77.6% ต่ำกว่าปีก่อน ซึ่งเฉลี่ยที่79.2% โดยมีจำนวนผู้โดยสารที่ทำการขนส่งรวมทั้งสิ้น 24.3 ล้านคน ลดลงจากปีก่อน 1.0%

ในปีนี้ บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงทางบัญชี ได้แก่ การเปลี่ยนประมาณการมูลค่าคงเหลือของเครื่องบินและเครื่องยนต์อะไหล่ จากเดิมร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 6 ของมูลค่าต้นทุนเริ่มแรกทำให้ค่าเสื่อมราคาของเครื่องบินและเครื่องยนต์อะไหล่ในปี 2561 เพิ่มขึ้น จำนวน 3,129 ล้านบาท และการทบทวนระยะเวลาการรับรู้บัตรโดยสารที่จำหน่ายแล้วแต่ยังไม่ได้ใช้บริการ จากเดิมรับรู้เป็นรายได้เมื่อบัตรโดยสารมีอายุเกินกว่า 24 เดือน เป็น 15 เดือน นับจากวันที่ออกบัตรโดยสาร ทำให้รายได้ค่าโดยสารสำหรับปี 2561 เพิ่มขึ้น 1,028 ล้านบาท

ในปี 2561 การแข่งขันอุตสาหกรรมการบินยังคงรุนแรง ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงสุดในรอบ 4 ปี บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้รวมจำนวน 199,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,554 ล้านบาท (3.9%) ทั้งจากรายได้ค่าโดยสารและค่าน้ำหนักส่วนเกิน รายได้ค่าระวางขนส่งไปรษณียภัณฑ์ รายได้จากการบริการอื่นๆ และรายได้อื่นๆ แต่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น โดยมีค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 208,558 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,468 ล้านบาท (10.3%) เป็นผลจากค่าน้ำมันเครื่องบินเพิ่มขึ้น 9,881 ล้านบาท (19.7%) จากราคาน้ำมันเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 30.1%

อย่างไรก็ตาม มีการบริหารความเสี่ยงราคาน้ำมันได้ดีขึ้นกว่าปีก่อน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมน้ำมันสูงขึ้น 9,802 ล้านบาท (7.3%) สาเหตุหลักเกิดจากค่าซ่อมแซมและซ่อมบำรุงอากาศยาน ค่าเช่าเครื่องบิน และค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น ประกอบกับปริมาณการผลิตและปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น ขณะที่มีต้นทุนทางการเงินสุทธิลดลง 215 ล้านบาท (4.7%) จากการบริหารเงินสดและการปรับโครงสร้างทางการเงินต่อเนื่องจากปีก่อน ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัท และบริษัทย่อยประจำปี 2561 ขาดทุนจากการดำเนินงาน 9,058 ล้านบาท ในขณะที่ปีก่อนมีกำไร 2,856 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบิน จำนวน 3,459 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 911 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากการตีมูลค่าหนี้สินที่เป็นเงินตราต่างประเทศ ส่งผลให้บริษัทและบริษัทย่อยขาดทุนสุทธิ 11,569 ล้านบาท โดยเป็นขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 11,625 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 5.33 บาท ในขณะที่ปีก่อนขาดทุนต่อหุ้น 0.97 บาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังได้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูธุรกิจปี 2561 เพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทหลุดพ้นจากปัญหาการขาดทุน และสามารถทำกำไรอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยในปี 2562 นี้ บริษัทมีแผนที่จะสร้างรายได้อย่างเร่งรัดโดยจะดำเนินการในหลายมิติ ได้แก่ การปรับปรุงฝูงบินให้ทันสมัยและสามารถแข่งขันได้ การปรับปรุงการบริการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การบริการภาคพื้นจนถึงการบริการบนเครื่องบิน (Ground to Sky) การบริหารจัดการด้านการขายและการตลาด โดยเฉพาะด้าน Digital Marketing การหารายได้เสริม การเพิ่มขีดความสามารถและการขยายธุรกิจ เช่น โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา (Maintenance Repair and Overhaul : MRO) รวมถึงการพัฒนาปรับปรุงศักยภาพด้านบุคลากร และการจัดโครงสร้างทางการเงินให้เหมาะสมกับธุรกิจยิ่งขึ้น

ที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นฯ มีมติงดจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2561 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทเนื่องจากไม่มีผลกำไรจากการดำเนินงานในรอบปี 2561 และตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทกำหนดให้บริษัทจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิก่อนหักผลกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจากงบการเงินรวม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแผนการลงทุน ความจำเป็น และความเหมาะสมอื่นๆ ในอนาคต

นอกจากนี้ ที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 นี้ มีกรรมการออกตามวาระ ดังนี้ 1. นายดิสทัต โหตระกิตย์ 2.นายรัฐพล ภักดีภูมิ 3. นายสมเกียรติ ศิริชาติไชย 4.นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม 5.นายคณิศ แสงสุพรรณ (ลาออกเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2560) และที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นฯ ได้มีมติแต่งตั้งกรรมการบริษัทฯ รายเดิมต่ออีกวาระหนึ่ง ดังนี้ 1.นายดิสทัต โหตระกิตย์ 2.นายสมเกียรติ ศิริชาติไชย 3.นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม

พร้อมกันนี้ได้มีมติให้แต่งตั้งกรรมการบริษัทแทนกรรมการที่ออกตามวาระ ดังนี้ 1.นายดนุชา พิชยนันท์  เป็นกรรมการแทน นายคณิศ แสงสุพรรณ 2.นางสาวนิตยา ดิเรกสถาพร เป็นกรรมการแทน นายรัฐพล ภักดีภูมิ

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button