เทคโนโลยี

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เดินหน้าโชว์นวัตกรรมสุดอัจฉริยะ ในงาน Assembly and Automation Technology 2022

#ชไนเดอร์อิเล็คทริค #SchneiderElectric

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น เดินเกมรุก โชว์นวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 พร้อมเสริมความมั่นใจด้วย Next Generation Automation ซึ่งเป็นนวัตกรรมผ่านเทคโนโลยี IoT ช่วยให้ธุรกิจและอุตสาหกรรม สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดในการดำเนินงาน พร้อมมอบประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และระบบอัตโนมัติ ปลุกชีวิตใหม่ให้กับเวิร์กโฟลว์แบบเดิม เสริมพลังให้กับผู้ดูแลรับผิดชอบด้านกระบวนการต่างๆด้วยประสิทธิภาพที่มากขึ้น ช่วยเปลี่ยนงานซ้ำๆ สู่ระบบงานแบบอัตโนมัติ และเพิ่มศักยภาพของผู้คนให้เติบโตตามยุคอุตสาหกรรม 4.0

นายคาริม แลมรับไทน์ รองประธานกลุ่ม Industrial Automation ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เผยว่า “เทคโนโลยีล้ำหน้าของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างการจำลองสถานการณ์การใช้งานจริง ก่อนที่จะดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ หรือเครื่องจักรต่างๆ จริง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ให้ความสะดวกรวดเร็ว ช่วยลดต้นทุนการติดตั้งและไม่ต้องเสียเวลาปรับปรุงระบบในภายหลัง ทำให้สามารถวางแผนได้ตามนโยบายทางธุรกิจ และเร่งการผลิตสินค้าสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งให้ความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน”

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ประเดิมจัดแสดงนวัตกรรม พร้อมเปิดตัวในงาน Assembly & Automation Technology 2022 ด้วยการมุ่งเน้นนำนวัตกรรมใหม่เข้ามาปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมให้มีความล้ำหน้ามากยิ่งขึ้น ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีในรูปโซลูชันที่ครบวงจรแบบ end-to-end สำหรับโรงงานอัจฉริยะ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โซลูชันไฮไลต์ในงานประกอบไปด้วย

  • Lexium™ MC12 multi carrier ระบบการลำเลียงในสายการผลิตรุ่นใหม่ ที่มุ่งแก้ pain point สำหรับอุตสาหกรรมการผลิต มีจุดเด่นด้านการติดตั้งและการออกแบบได้อย่างรวดเร็ว ด้วยอุปกรณ์การติดตั้งและการประกอบแบบโมดูล มาพร้อมซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้สามารถออกแบบและจำลองกระบวนการได้ล่วงหน้า ช่วยให้สามารถออกแบบสายการผลิตได้หลากหลายตามความต้องการ ให้พลังการขับเคลื่อนสูง ด้วยอัตราเร่งสูง ทนต่อสภาพแวดล้อมแบบ IP65 นอกจากนี้ ยังได้รับการมาตรฐานฟู้ดเกรดอีกด้วย ที่สำคัญ Lexium™ MC12 multi carrier ยังช่วยลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ ให้ความคุ้มค่าในเรื่องราคา ทำให้สามารถลดต้นทุนการติดตั้งและการดูแลรักษา พร้อมมอบความสามารถครบครันที่ตอบโจทย์การทำธุรกิจในยุคอุตสาหกรรม 4.0 สามารถผสานรวมระหว่าง OT และ IT ด้วย EcoStruxure ซึ่งช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถมองเห็นประสิทธิภาพทั้งระบบและวิเคราะห์การทำงาน เพื่อนำไปต่อยอดทางธุรกิจได้ต่อไปอีกด้วย
  • CMR (Collaborative Mobile Robot) หุ่นยนต์อัจฉริยะสำหรับอุตสาหกรรม Health Care ที่ให้ความสามารถในการจดจำภาพสภาพแวดล้อมในการทำงาน ผสานการตั้งโปรแกรมในการทำงานได้อย่างแม่นยำ นับเป็นผู้ช่วยมือฉมังในการทำงานซ้ำๆ จึงช่วยลดโหลดและลดเวลาทำงานของเจ้าหน้าที่
  • Proface ST6000 มอนิเตอร์สำหรับอุตสาหกรรมรุ่นล่าสุด Basic HMI มาพร้อมซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด BLUE ให้ภาพสวย คมชัดแบบสามมิติ มีหน้าจอให้เลือกหลายขนาด โปรโตคอลที่ใช้งานง่ายยังช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านอินเทอร์เน็ตเพื่อมอนิเตอร์การทำงานได้อย่างง่ายดาย พร้อมการแจ้งเตือนที่เด่นชัดจากหน้าจอเมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้นภายในระบบ ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้สำหรับโรงงานที่ใช้ระบบซอฟต์แวร์ปฏิบัติการ GP-Pro EX อยู่ก่อน Pro-face ST6000 ยังสามารถรองรับการใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องเริ่มเขียนกราฟิกต่างๆ ใหม่ ทำให้ติดตั้งใช้งานได้ง่าย นอกจากนี้ ยังมีความพิเศษคือ ในทันทีที่ลูกค้าดำเนินการสั่งซื้อ สามารถรับของได้เลย โดยที่ไม่ต้องรอนาน
  • โซลูชันซอฟต์แวร์แบบ end to end จาก AVEVA ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์สำหรับอุตสาหกรรม ที่พร้อมเปลี่ยนโรงงานธรรมดาให้กลายเป็นโรงงานอัจฉริยะ มาพร้อมคุณสมบัติที่โดดเด่นด้านการบริหารจัดการ ด้วยระบบ Engineering information management ที่ช่วยเรื่องการดูข้อมูลของอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม พร้อม Operations Information management เพื่อติดตามเรื่องการใช้พลังงาน และการผลิต โดย AVEVA มีซอฟต์แวร์ ที่ครอบคลุมตั้งแต่การสร้างแบบจำลองสถานการณ์ เช่น หากต้องการผลิตตามแบบกระบวนการที่ต้องการ จะได้ผลลัพธ์อย่างไร จึงช่วยให้สามารถสร้างกระบวนการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ไปจนถึงกระบวนการผลิต (Operation) และการมอนิเตอร์กระบวนการต่างๆ รวมไปถึงซอฟต์แวร์สำหรับการควบคุมประสิทธิภาพการผลิต นอกจากนี้ยังมีซอฟต์แวร์ Visualization สำหรับการสร้างแดชบอร์ดสำหรับผู้บริหารองค์กร ทำให้สามารถดู KPI (Key Performance Indicator) หรือดัชนีชี้วัดความสำเร็จของงานตามเป้าหมาย ทั้ง KPI ในด้านการผลิต ในแง่ของธุรกิจ ตลอดจนการบำรุงรักษา และการดำเนินงาน เป็นต้น รวมถึงซอฟต์แวร์อัจฉริยะต่างๆ อีกมากมาย
  • นอกจากนี้ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังมีนวัตกรรมด้านอุตสาหกรรมอีกมาก ที่นำมาจัดแสดงในงาน เพื่อเปิดโลกทัศน์ใหม่ในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เชื่อว่า การผสานรวมระหว่างซอฟต์แวร์และกระบวนการทำงานอุตสาหกรรม จะเป็นตัวขับเคลื่อนที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต “เราเชื่อว่าการนำระบบอัตโนมัติระดับสากลมาใช้ในวงกว้าง จะช่วยปลดปล่อยคลื่นของนวัตกรรมที่ไร้ขอบเขต และนำไปสู่ยุคใหม่ของโลกออโตเมชัน ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ

…เราเชื่อว่าองค์กรอุตสาหกรรมจะเปิดรับตลาดการดำเนินงานด้วยระบบอัตโนมัติมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้เกิดการปรับปรุงประสิทธิภาพและความยั่งยืน นำไปสู่เปลี่ยนแปลงทีละขั้น

…และเราเชื่อว่าธุรกิจต่างๆ จะมีการเติบโตมากขึ้นด้วยระบบอัตโนมัติ เพื่อปรับให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างราบรื่น นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นสำหรับมนุษยชาติ ทั้งอาหารที่เรากิน เทคโนโลยีที่เราใช้ ผลิตภัณฑ์ที่เราบริโภค งานที่เราทำ และสิ่งแวดล้อมที่เราอาศัยอยู่” คาริม กล่าวทิ้งท้าย

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button