การเกษตร

“เอ็นไอเอ” เปิดพื้นที่ปล่อยของ 15 สตาร์ทอัพด้านเกษตร วันที่ 8-9 มิ.ย.นี้

“เอ็นไอเอ” เปิดพื้นที่ปล่อยของ 15 สตาร์ทอัพด้านเกษตร กรุยทางเกษตรกรไทย “ปลูก ผลิต ขาย” ได้ด้วยเทคโนโลยี พร้อมชวนชาวไร่ชาวสวนร่วมทดลองระบบนวัตกรรม ในโครงการ “Agtech Connext” วันที่ 8-9 มิ.ย.นี้

วันนี้ (3 มิ.ย.64) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับ ภาคคีเครือข่ายสร้างแพลตฟอร์มเชื่อมโยงเกษตรกรกับสตาร์ทด้านเกษตรสู่การเป็นเกษตรกรที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือ “AgTech Connext” คัดเลือก 15 สตาร์ทอัพด้านเกษตร 5 กลุ่ม ได้แก่ สตาร์ทอัพกลุ่มปศุสัตว์ สตาร์ทอัพด้านสัตว์เศรษฐกิจใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยม สตาร์ทอัพสำหรับในกลุ่มการปลูกผัก พืชไร่ พืชสวน สตาร์ทอัพด้านการปลูกมันสำปะหลัง  แพลตฟอร์มตลาดในการส่งสินค้าเกษตรสู่ผู้บริโภค ร้านค้า โรงงานผลิต ที่มีเทคโนโลยีพร้อมใช้กับกลุ่มเกษตรกร เพื่อช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต ลดความเสียหาย และเพิ่มช่องทางจำหน่ายแก่สินค้าเกษตร โดยเกษตรกรที่สนใจสามารถร่วมทดลองใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมที่เหมาะสมกับการทำเกษตรแต่ละรูปแบบสามารถเช้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวจผ่านเฟซบุ๊คไลฟ์ “AgTech Connext” ในวันที่ 8 -9 มิถุนายน 2564

ดร.กริชผกา  บุญเฟื่อง  รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA

ดร.กริชผกา  บุญเฟื่อง  รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA  กล่าวว่า จากการสำรวจระบบนิเวศสตาร์ทอัพด้านเกษตรในประเทศไทย หนึ่งอุปสรรคที่สำคัญและยังเป็นช่องว่าง คือ เกษตรกรไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีทั้งการรับรู้และความไม่เข้าใจเทคโนโลยีหรือบริการ ขาดการเชื่อมโยงให้รู้จักผลิตภัณฑ์หรือบริการของสตาร์ทอัพ และเกษตรกรบางส่วนยังมีความกังวลถึงความคุ้มค่าในการใช้เทคโนโลยี ความรู้ และทักษะในการใช้งาน ประกอบกับแรงงานในภาคการเกษตรมีอายุเฉลี่ยที่สูงขึ้น จึงต้องเร่งสร้างโอกาสการเข้าถึงและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในภาคการเกษตรของไทยให้มากขึ้น ดังนั้น NIA จึงได้ริเริ่มและพัฒนาแพลตฟอร์ม “AgTech Connext” เพื่อเป็นเสมือนสะพานเชื่อมให้สตาร์ทอัพด้านเกษตรได้มีโอกาสในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการให้กับกลุ่มเกษตรกรที่พร้อมเปิดใจรับเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยยกระดับธุรกิจการเกษตรของตนเอง และสามารถกระจายต่อไปในวงกว้างมากขึ้น พร้อมทั้งร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน อาทิกรมส่งเสริมการเกษตร กรมการข้าว กรมประมง กรมปศุสัตว์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร บริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด และ กลุ่มธุรกิจการค้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ เพื่อเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพได้เรียนรู้การทำเกษตรในรูปต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น  สำหรับ 15 สตาร์ทอัพด้านเกษตรกลุ่มแรกที่ผ่านการคัดเลือกครอบคลุมตั้งแต่การบริหารจัดการฟาร์มด้วยอุปกรณ์เซนเซอร์ และการควบคุมด้วยเทคโนโลยีที่แม่นยำ การจัดการหลังการเก็บเกี่ยวที่จะช่วยยืดอายุผลผลิตก่อนถึงมือผู้บริโภค และระบบตลาดที่จะส่งสินค้าเกษตรให้ถึงมือผู้บริโภคได้อย่างตรงความต้องการ ได้แก่

  • สตาร์ทอัพกลุ่มปศุสัตว์ ได้แก่ น้ำเชื้อว่องไว เป็นการนำเทคโนโลยีชีวภาพมาสร้างความแม่นยำในการติดสัตว์สำหรับวัวเนื้อและวัวนมร่วมกับระบบผสมเทียมโคแบบกำหนดเวลา และน้ำเชื้อโคกระบือคัดเพศได้ตามความต้องการและแม่นยำสูง สำหรับกลุ่มประมง ได้แก่ อัลจีบา พัฒนาเครื่องนับลูกสัตว์น้ำ เช่น ลูกปลา ไข่ปลา ลูกกุ้งพี ลูกกุ้งก้ามกราม ลูกปู ให้มีความรวดเร็ว แม่นยำ จัดเก็บหลักฐานการนับได้ และ อควาบิซ เข้าร่วมพัฒนาตั้งแต่การผลิตสัตว์น้ำจากฟาร์มของเกษตรกร โดยเฉพาะสินค้าประมงที่เหลือจากการขายสดแล้วมาเข้ากระบวนการแปรรูป และจำหน่ายผ่านตลาดออนไลน์
  • สตาร์ทอัพด้านสัตว์เศรษฐกิจใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยม คือการเลี้ยงจิ้งหรีด เพื่อนำมาผลิตเป็นโปรตีนทางเลือกจากแมลงที่กำลังได้รับความสนใจ โดยมี เดอะบริคเก็ต สตาร์ทอัพที่ทำระบบฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีดแนวตั้งที่ควบคุมอย่างแม่นยำด้วยไอโอที ซึ่งจะได้ผลผลิตที่ชัดเจนและตรวจสอบย้อนกลับได้ทุกขั้นตอน ตอบโจทย์การผลิตภายใต้ห่วงโซ่ของอาหารในอนาคต

  • สตาร์ทอัพสำหรับในกลุ่มการปลูกผัก พืชไร่ พืชสวน แพลตฟอร์มของ รีคัลท์ ที่นำข้อมูลขนาดใหญ่ของภาพถ่ายดาวเทียมมาพยากรณ์อากาศที่มีความแม่นยำ ทำให้สามารถการวางแผนการเพาะปลูกได้ นอกจากนี้ยังมีสตาร์ทอัพ โกรว์เด่ ฟาร์มมิ่ง ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถรองรับกลุ่มเกษตรกรที่ปลูกผัก ผลไม้ ที่ได้รับรอง GAP เพื่อส่งต่อสินค้าทางการเกษตรให้แก่ห้างโมเดิร์นเทรดและร้านอาหาร และเอเวอร์โกล ผู้พัฒนาระบบปลูกพืชในโรงเรือนที่ต้องการเครื่องจ่ายสารละลายแบบ Inline injection ที่คุณภาพเทียบเท่าระดับนานาชาติ พร้อมด้วยระบบโรงเรือนที่มีการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างแม่นยำด้วยฝีมือสตาร์ทอัพไทยอย่าง นอกจากนี้ ยังมีฟาร์มไทยแลนด์ สตาร์ทอัพที่ใช้พื้นฐานความรู้ของไอโอทีมาต่อยอดระบบสมาร์ทฟาร์ม เพื่อให้เกษตรกรสามาถจัดการควบคุม ดูเเลผลผลิตทางการเกษตร ผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือได้ทุกที่ ทุกเวลา
  • สตาร์ทอัพด้านการปลูกมันสำปะหลัง แพลต์ฟอร์ม ไบโอ แมทลิ้งค์ ที่มีระบบบริหารและดูแลการปลูกมันสำปะหลังของเกษตรกรสมาชิกและจับคู่ตลาดกับเกษตกรมันสำปะหลังแบบมีประกันราคาไม่ต่ำกว่า 2 บาทต่อกิโลกรัม และโนวี่ โดรน โดรนสำหรับการเกษตรเพื่อฉีดพ่นปุ๋ย ซึ่งจะช่วย ลดเวลา เพิ่มผลผลิต คืนทุนไว เพิ่มรายได้ พร้อมทั้งช่วยให้เกษตรลดความเสี่ยงในการสัมผัสสารเคมี นอกจากนี้ยังมีระบบบริการบินสำรวจ และการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ แพลตฟอร์ม เก้าไร่ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการให้บริการฉีดพ่นสารอารักขาพืช ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการฉีดพ่นสารต่าง ๆ ผ่านโดรนโดยเกษตรสามารถจองคิวเพื่อขอรับบริการได้ผ่านแอพพลิเคชั่น  นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยียืดอายุผลผลิตทางการเกษตร อย่าง เทคโนโลยีของ อีเด็น อะกริเทค ที่มีการคิดค้นสารเคลือบสารเคลือบยืดอายุการเก็บรักษาผลผลิตทางการเกษตร ไม่ว่าจะเป็น ผัก ผลไม้ และผลไม้ตกแต่ง โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยให้สินค้าทางการเกษตรเสียหายน้อยลง
  • แพลตฟอร์มตลาดในการส่งสินค้าเกษตรสู่ผู้บริโภค ร้านค้า โรงงานผลิต ได้แก่ เฮิร์ป สตาร์ทเตอร์ แพลตฟอร์มที่จะเข้ามาช่วยพัฒนาธุรกิจและสร้างนวัตกรรมตลาดสินค้าเพื่อชุมชนผ่านการซื้อสินค้าจากเกษตรและนำมาแปรรูป รวมถึงการสร้างช่องทางการขายใหม่ๆ ให้แก่เกษตรกร และการถ่ายทอดเรื่องราวอัตลักษณ์ของสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างมีระบบ รวมไปถึง ฟาร์มโตะ ซึ่งเป็นแพลต์ฟอร์มออนไลน์สำหรับการกระจายสินค้าเกษตร โดยมีระบบการเชื่อมโยงเกษตรกรและผู้บริโภคเข้าหากันผ่านการขายผลผลิตเกษตรรูปแบบใหม่บนตลาดออนไลน์ และ แคสปี้ แพลต์ฟอร์มซื้อขายสินค้าเกษตรในรูปแบบออนไลน์ที่มีสินค้ามากมายที่ผ่านการคัดสรรเกษตรกรที่มีความมุ่งมั่นผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยมุ่งสู่เกษตรอินทรีย์ ภาษา

ดร. กริชผกา กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามสำหรับเกษตรกรทั่วประเทศไทยที่ทำเกษตรกรรมในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ปลูกพืช ปศุสัตว์ กลุ่มประมง กลุ่มเลี้ยงจิ้งหรีด กลุ่มปลูกมันสำปะหลัง ที่ต้องการเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน ลดแรงงาน สามารถร่วมทดลองใช้สินค้า เทคโนโลยี ด้านต่าง ๆ ซึ่งการเจ้าร่วมทดลองใช้สินค้าในครั้งนี้ เกษตรกรจะได้พบกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีมากมายที่จะช่วยตอบโจทย์การทำเกษตรกรให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งเกษตรยังจะได้เลือกลองเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับการทำเกษตรของตนเองมากที่สุด ซึ่ง ภายในงานยังมีเจ้าหน้าที่ที่คอยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการนำเอาเทคโนโลยีไปใช้กับการทำเกษตรร่วมด้วย นอกจากสิ่งที่เกษตรกรจะได้ร่วมทดลองใช้เทคโนโลยีแล้วโครงการดังกล่าวยังช่วยให้สตาร์ทอัพด้านเกษตรได้รับข้อมูลเพื่อนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมด้วย  สำหรับเกษตรกรที่สนใจ สามารถเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวในรูปแบบออนไลน์ในวันที่ 8-9 มิถุนายน 2564 ได้ที่ https://forms.gle/ncRXtL1DA9Cob3mKA  หรือสอบถามเพิ่มเติม โทรศัพท์ 02-017 5555 ต่อ 552 – มือถือ 098-257 0888 – อีเมล Thinnawat.s@nia.or.th

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button