เปิดจุดผ่านแดนถาวร “สตึงบท-บ้านหนองเอี่ยน”รถขนส่งสินค้าใช้บริการคึกคัก NEDA ลุยต่ออัดฉีดเงินกู้พัฒนาโครงข่ายถนนอีก 2 สายหลัก “กลอรันห์-สุรินทร์” และ “เสียบราฐ-ศรีสะเกษ” หนุนการค้าชายแดนและท่องเที่ยวเติบโต
NEDA พาตะลุย “กัมพูชา” ติดตามการเปิดใช้จุดผ่านแดนถาวรแห่งใหม่ “สตึงบท-บ้านหนองเอี่ยน”เผยจุดเด่นตรวจสินค้าได้รวดเร็วมีรถบรรทุกสินค้าใช้บริการกันอย่างคึกคัก ดันค้าชายแดนเติบโตกว่า 1 แสนล้านบาท พร้อมเปิดโครงข่ายถนนที่ได้รับเงินกู้อีก 2 สายหลักจาก “เสียบราฐ-ศรีสะเกษ” และจาก “กลอรันห์-สุรินทร์” สนับสนุนผู้ประกอบการไทยขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างไทยและกัมพูชาให้เติบโต
สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) หรือ NEDA ได้นำคณะสื่อมวลชนติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาจุดผ่านแดนถาวรสตึงบทและถนนเชื่อมโยงไปยังถนนหมายเลข 5 ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา เมื่อวันที่ 24-27 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา
โดยล่าสุดจุดผ่านแดนถาวรสตึงบท ฝั่งประเทศกัมพูชาบริเวณบ้านสตึงบท อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ได้มีการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยและเปิดให้บริการแล้วเป็นจุดผ่านแดนชั่วคราวก่อนจะเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรเมื่อการก่อสร้างจุดผ่านแดนฝั่งไทยบริเวณบ้านหนองเอี่ยน ตำบลท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ แล้วเสร็จช่วงกลางปี 2568 ซึ่งจะทำให้จุดผ่านแดนถาวรแห่งนี้เป็นด่านขนส่ง “สินค้าข้ามแดน” เพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้ หลังจากมีการเปิดให้บริการจุดผ่านแดนชั่วคราวที่บ้านสตึงบท ปรากฏว่ามีรถบรรทุกเข้ามามาใช้บริการกันอย่างคึกคักเลยทีเดียว ซึ่งจุดผ่านแดนถาวรสตึงบท-บ้านหนองเอี่ยน มีการเชื่อมโยงโดยสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชาบริเวณคลองพรมโหด มูลค่า 670 ล้านบาท ซึ่งเปิดใช้แล้วตั้งแต่ปี 2562
ส่วนจุดผ่านแดนถาวรแห่งเดิมบริเวณบ้านคลองลึก-ปอยเปต ได้เปลี่ยนภารกิจเอาไว้รองรับการเดินทางและการติดต่อค้าขายระหว่างกันของ “ประชาชน” และนักท่องเที่ยวในพื้นที่เท่านั้น ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการจราจรบริเวณจุดผ่านแดนแห่งนี้ที่มีความหนาแน่น ไม่คล่องตัว ลดระยะเวลาการเดินทางได้เป็นอย่างดี เพราะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่มาซื้อสินค้าที่ตลาดโรงเกลือและบริเวณใกล้เคียงด้วย
นายพีรเมศร์ วุฒิธรเนติรักษ์ ผู้อำนวยการ NEDA เปิดเผยว่า การมาเยี่ยมชมโครงการพัฒนาจุดผ่านแดนถาวรสตึงบท-บ้านหนองเอี่ยน และถนนเชื่อมโยงไปยังถนนหมายเลข 5 ครั้งนี้สืบเนื่องจากรัฐบาลไทย โดย NEDA ได้ให้เงินกู้เป็นโครงการความร่วมมือทางการเงิน Financial Assistance (FA) จำนวนกว่า 800 ล้านบาท ก่อสร้างจุดผ่านแดนถาวรสตึงบท เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน จากปัญหาการขนส่งสินค้าบริเวณด่านชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก-ปอยเปต อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ถึงจังหวัดบันเตียเมียนเจย มีการจราจรที่ติดขัดบริเวณด่านพรมแดน ตลอดจนมีความหนาแน่นของรถบรรทุกขนส่งสินค้าด้วย โดยมีการเซ็นสัญญากับผู้รับเหมาเมื่อปี 2563
“เมื่อก่อนมีจุดผ่านแดนที่คลองลึก-ปอยเปต เพียงแห่งเดียวทำให้รถบรรทุกต่อคิวใช้บริการเป็นระยะทางยาวถึง 3-4 กิโลเมตร รัฐบาลไทยและกัมพูชาจึงมีความเห็นตรงกันให้แยกจุดผ่านแดนสำหรับรถขนส่งสินค้ามาใช้บริการที่จุดผ่านแดนถาวรสตึงบท-บ้านหนองเอี่ยน ซึ่งตอนนี้ได้เปิดให้บริการที่จุดผ่านแดนสตึงบทแล้วมีรถมาใช้วันละ 150 คัน ใช้เวลาการตรวจสินค้าไม่เกิน 15 นาที จากเดิมการตรวจสินค้าที่ด่านคลองลึก-ปอยเปตต้องใช้เวลานานประมาณ 1 ชั่วโมง และเมื่อจุดผ่านแดนฝั่งไทยบริเวณบ้านหนองเอี่ยนแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2568 จะทำให้จุดผ่านแดนถาวรแห่งนี้เปิดใช้อย่างสมบูรณ์สามารถรองรับรถบรรทุกได้วันละ 600 คัน ซึ่งจะส่งเสริมการค้าชายแดนให้เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีละ 1 แสนล้านบาท”
นายพีรเมศร์ กล่าวด้วยว่า ในอนาคตจะมีการขยายโครงการจุดผ่านแดนถาวรสตึงบท-บ้านหนองเอี่ยนเฟส 2 ประกอบด้วย อุปกรณ์เอ๊กซเรย์ตรวจสินค้า การก่อสร้างสถานีรถไฟเชื่อมต่อการขนส่งสินค้า และสะพานเชื่อมต่อกับหมายเลข 5 จากบ้านสตึงไปเสียบราฐ และพนมเปญด้วย ซึ่งจะเป็นถนนสายหลักอำนวยความสะดวกในการเดินทางและขนส่งค้าในอนาคต โดยในปีนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ เพื่อขออนุมัติเงินสนับสนุนเงินลงทุนในปี 2568
นอกจากนี้ NEDA ได้ให้ความร่วมมือและความช่วยเหลือแก่ประเทศเพื่อนบ้านตามนโยบายรัฐบาล ในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและสังคมในประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีการบูรณาการความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานปรับปรุงถนนเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการคมนาคมระหว่างประเทศและการสัญจรไปมาของประชาชนชาวกัมพูชา รวมถึงการส่งเสริมการค้าชายแดน การขนส่งสินค้า การลงทุน การท่องเที่ยวระหว่างไทยกับกัมพูชา เพิ่มเติมอีก 2 เส้นทาง คือ โครงการปรับปรุงถนนหมายเลข 67 (NR67) จากจุดตัดถนนหมายเลข 6 อำเภอเมืองเสียมราฐ-อันลองเวง-จวม เชื่อมกับด่านช่องสะงำ สิ้นสุดที่ตัวเมืองศรีสะเกษ ระยะทางประมาณ 252 กิโลเมตร วงเงินกู้ 983 ล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จปี 2568 และโครงการปรับปรุงถนนหมายเลข 68 (NR67) จากถนนหมายเลข 6อำเภอกลอรันห์-เมืองเสียมราฐ และจากอำเภอกลอรันห์-โอสเม็ด-ช่องจอม สิ้นสุดที่ตัวเมืองสุรินทร์ รวมระยะทางประมาณ 291 กิโลเมตร วงเงินกู้ 17.70 ล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จปี 2567
ด้านนายภูมิวัชร์ อุดมทรัพย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า จังหวัดสระแก้วมีจุดผ่านแดนถาวรที่เปิดให้บริการแล้ว 2 จุด คือ จุดผ่านแดนบ้านคลองลึก และบ้านเขาดิน เตรียมจะเปิดใหม่อย่างเป็นทางการอีก 1 จุด คือ จุดผ่านแดนบ้านหนองเอี่ยน ส่วนจุดผ่านแดนผ่อนปรนมี 2 จุดคือ ที่ด่านบ้านตราพระยา และที่ด่านบ้านหนองปรือ ดังนั้น ในอนาคตอำเภออรัญประเทศจะมีจุดผ่านแดนถาวร 2 จุดคือที่บ้านคลองลึก กับที่บ้านหนองเอี่ยน และจุดผ่านแดนผ่อนปรน 1 จุดที่บ้านหนองปรือ มีมูลค่าการค้าชายแดนกว่า 1 แสนล้านบาท ประเทศไทยได้ดุลการค้าประมาณ 6 หมื่นล้านบาท มีสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ รถกระบะ รถมอเตอร์ไซด์ และรถแทรกเตอร์ และสินค้าอุปโภคบริโค ส่วนสินค้านำเข้า ได้แก่ เศษเหล็ก และมันสำปะหลัง
ขณะที่ น.ส. เอกอร คุณาเจริญ อัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ได้เดินทางมาสำรวจจุดผ่านแดนแห่งใหม่ครั้งนี้ได้กล่าวเสริมว่า การก่อสร้างจุดผ่านแดนสตึงบทและอาคารศุลกากรเสร็จเรียบร้อยและเปิดให้บริการเชื่อว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าข้ามแดนระหว่างไทยและกัมพูชานำไปสู่การค้าเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกันกับโครงการปรับปรุงโครงข่ายถนน 2 เส้นทางจากถนนหมายเลข 6 จังหวัดเสียบราฐเชื่อมโยงกับจังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษ จะเข้ามาช่วยส่งเสริมการขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศให้เติบโตตามไปด้วย
“ประเทศกัมพูชามีอัตราการเติบโตเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเกิน 7% มาเป็นเวลากว่า 20 ปี และในปัจจุบันจะเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปมาก แม้ว่าเศรษฐกิจจะมีการสะดุดในช่วงการแพร่ระบาดของไวราโควิด-19 เหมือนกับทุกประเทศทั่วโลก แต่อยู่ในช่วงการฟื้นฟูและถือว่าเป็นประเทศที่ยังน่าสนใจทั้งด้านการค้าและการลงทุน ถ้าหากนักลงทุนจากไทยสนใจจะเข้ามาลงทุนสามารถมาขอส่งเสริมการลงทุนได้เช่นกัน”
