การตลาด

BE8 คว้าบิ๊กโปรเจ็กต์ ‘ไปรษณีย์ไทย’ มูลค่าราว 100 ล้านบาท

‘บมจ.เบริล 8 พลัส’ หรือ BE8 เดินหน้าขยายฐานกลุ่มลูกค้ารัฐวิสาหกิจ เซ็นสัญญาคว้างานใหญ่จากไปรษณีย์ไทย มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 3 ปี ให้บริการที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นและพัฒนาระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) อย่างครบวงจรตั้งแต่การตลาด การขาย และการให้บริการแบบ Omni-Channel ให้กับไปรษณีย์ไทยซึ่งมีลูกค้ากว่า 9 ล้านราย ด้วยซอฟต์แวร์ Salesforce CRM Solution ชูโซลูชั่นเทคโนโลยีเชื่อมโยงข้อมูลแบบเรียลไทม์ บนมาตรฐานความปลอดภัยของ Platform ระดับโลก หนุนการใช้ Data วางกลยุทธ์ CRM เพื่อสร้างสรรค์บริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคอีคอมเมิร์ซบูม ตอกย้ำผู้นำธุรกิจให้บริการจัดส่งพัสดุ มั่นใจผลดำเนินงานไตรมาส 4 ตามเป้าหมาย

นายอภิเษก เทวินทรภักติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8 ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการที่ปรึกษาด้านดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นแบบครบวงจร เปิดเผยว่า หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ บริษัทฯ ได้วางแผนรุกขยายธุรกิจการให้บริการที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และพัฒนาเทคโนโลยีและงานบริการเทคโนโลยี โดยมุ่งขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ารัฐวิสาหกิจที่มีความต้องการทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ดิจิทัลเพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิจและการให้บริการแก่ลูกค้า ล่าสุดบริษัทฯ ได้เซ็นสัญญากับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) หรือ Thailand Post ผู้นำให้บริการจัดส่งพัสดุในประเทศไทย มีมูลค่างานประมาณ 100 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ 3 ปี นับเป็นการขยายฐานลูกค้ากลุ่มรัฐวิสากิจซึ่งเป็น Backlog ที่สำคัญและใหญ่ที่สุดในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ โดยบริษัทฯ ได้นำ Salesforce ซอฟต์แวร์ชั้นนำระดับโลก ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) เพื่อจัดระบบฐานข้อมูลของลูกค้าขนาดใหญ่ให้อยู่ภายใต้ระบบเดียวกัน จึงนำมาใช้งานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาบริการใหม่

สำหรับการติดตั้งซอฟต์แวร์ Salesforce ให้กับไปรษณีย์ไทยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเทคโนโลยีขับเคลื่อนไปรษณีย์ไทยสู่เป้าหมาย Thailand Post Digital โดย Salesforce CRM เป็นโซลูชั่นเทคโนโลยีคลาวด์ขั้นสูง ที่จะเสริมศักยภาพการวางกลยุทธ์ด้าน CRM การจัดเก็บข้อมูลลูกค้าที่ใช้บริการกว่า 9 ล้านคนอย่างเป็นระบบ และสร้างความเชื่อมโยงการทำงานจากรูปแบบ Silo (ไซโล) ให้สามารถรวบรวมข้อมูลที่กระจายการจัดเก็บให้อยู่ในระบบเดียวกัน เนื่องจากไปรษณีย์ไทยมีสาขาทั่วประเทศ มีลูกจ้าง พนักงานและบุรุษไปรษณีย์รวมกว่า 4 หมื่นคน โดยสามารถเชื่อมโยงทั้งช่องทางพื้นฐานและช่องทางดิจิทัลด้วยข้อมูลที่ครบถ้วนแบบเรียลไทม์ เพื่อการบริการที่รวดเร็ว และยังสามารถให้พนักงานและผู้บริหารของไปรษณีย์ไทยเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็น รวมไปถึง Knowledge Base เพื่อช่วยในการทำงาน โดยมีมาตรฐานความปลอดภัยของ Platform ระดับโลก อันสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจและการให้บริการแก่ลูกค้าในยุคดิจิทัล

และเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้าในทุก Touchpoint นอกเหนือไปจากพนักงานโดยตรง ช่องทางโทรศัพท์ email website และ chatbot แล้ว ไปรษณีย์ไทย สามารถให้บริการลูกค้า ผ่านช่องทาง Social และยังสามารถเห็นความรู้สึกลูกค้า (Customer Sentiment) ที่กล่าวถึงไปรษณีย์ไทย บนช่องทาง Social และเข้าไปดูแลได้อย่างเหมาะสม

นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ Business Intelligence ในการช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า (Data Analytics) ได้อย่างแม่นยำ เพื่อวางกลยุทธ์ CRM สร้างรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นจากการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ ตลอดจนนำเทคโนโลยีมาขับเคลื่อนการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ต่อยอดจากการมีเครือข่ายไปรษณีย์ครอบคลุมทั่วประเทศ และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญการจัดส่งพัสดุ เพื่อตอบโจทย์กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และยกระดับการให้บริการลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล (Personalization) ช่วยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับไปรษณีย์ไทยสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าที่ใช้บริการ เพิ่มโอกาสการขยายฐานลูกค้าใหม่ รวมทั้งรักษาและสร้างแบรนด์ลอยัลตี้ จากลูกค้าของไปรษณีย์ให้มากยิ่งขึ้น

“การร่วมงานกับไปรษณีย์ไทยในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของ BE8 ที่นำความเชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation แบบครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ (End-To-End Digital Transformation Expert) เพื่อให้บริการตั้งแต่คำปรึกษาด้าน Digital Strategy การวางแผนพัฒนาธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล สำหรับการใช้ซอฟต์แวร์ Salesforce CRM Solution ในครั้งนี้จะสนับสนุนประสิทธิภาพการให้บริการไปรษณีย์ให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ด้านความรวดเร็วและสะดวกสบาย พร้อมสนับสนุนไปรษณีย์ไทยเป็นผู้นำธุรกิจขนส่งพัสดุเติบโตอย่างยั่งยืน” นายอภิเษก กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงาน BE8 จนถึงไตรมาส 3/64 มีมูลค่างานในมือ (Backlog) ที่รอรับรู้รายได้กว่า 300 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากการให้บริการคำปรึกษาด้านกลยุทธ์และพัฒนาเทคโนโลยี และการสนับสนุนด้านเทคโนโลยี โดยให้บริการออกแบบ พัฒนา และติดตั้งระบบต่างๆ โดยการขยายฐานลูกค้าขนาดใหญ่ให้มีความหลากหลายในธุรกิจหลายประเภทมากขึ้น ตลอดจนการรักษากลุ่มลูกค้าเดิม การขยายฐานกลุ่มลูกค้า SMEs กลุ่มรัฐวิสาหกิจ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมั่นใจว่าด้วยมาทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นของภาคธุรกิจยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้ผลดำเนินในไตรมาส 4 เป็นไปตามเป้าหมาย

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button